ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 144 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศ 115 ราย แรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุก 14 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (Quarantine Facilities) 15 ราย ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย, เนเธอร์แลนด์ 1 ราย, เนปาล 1 ราย, สหรัฐอเมริกา 2 ราย, อินเดีย 1 ราย, เยอรมนี 1 ราย, ญี่ปุ่น 3 ราย, สหราชอาณาจักร 3 ราย, เดนมาร์ก 1 ราย และตุรกี 1 ราย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 6,285 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 4,302 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าว 1,370 ราย ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,983 ราย
ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้ว เพิ่มขึ้น 19 ราย รวมเป็น 4,180 ราย โดยยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,045 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. รบุว่า ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย กระจายอยู่ในพื้นที่ 43 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว โดยมีจังหวัดที่เพิ่มเข้ามาล่าสุดอีก 6 จังหวัด ประกอบด้วย สุรินทร์, นราธิวาส, นครนายก, เชียงใหม่, สุโขทัย และลพบุรี
สำหรับการประชุม ศบค.ชุดเล็กในวันนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ได้มีการหารือกันถึงการระบาดในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ทำงานอย่างเต็มที่ และใช้มาตรการทุกข้ออย่างเข้มงวด เพราะไม่เช่นนั้นสถานการณ์การระบาดจะพุ่งขึ้นถึงระดับหลักพันหรือหลักหมื่นคนต่อวันได้
"ท่านเลขาฯ สมช.ในฐานะประธานที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้ขอเน้นให้ทุกจังหวัดทำอย่างเต็มที่ เพราะวันนี้กระทรวงสาธารณสุขบอกมาว่าถ้าไม่ทำอะไรเลย ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ตัวเลขคนติดเชื้อต่อวันอาจจะพุ่งสูงถึงระดับหลักพันและหลักหมื่น อาจเกิดขึ้นได้ภายในเดือนนี้ถึงกลางเดือนหน้า แต่หากร่วมมือกันจะทำให้ลดลงเหลือเป็นระดับหลักร้อย แต่ที่ดีที่สุด คือต้องลดการเคลื่อนย้าย ลดการพบปะ" โฆษก ศบค.กล่าว
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมเห็นว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะยังคงให้ยึดตามมาตรการเดิมที่มีการแบ่งโซนพื้นที่ในการดูแลออกเป็น 4 กลุ่ม แต่จะเพิ่มการขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการบังคับใช้และปฏิบัติตัวตามมาตรการที่ได้วางไว้อย่างเคร่งครัด
ที่ประชุมขอให้มาตรการเดิม 4 พื้นที่ แต่ขอความร่วมมือประชาชนอย่างเต็มที่ การบังคับใช้ขึ้นกับภาครัฐ เอกชน และประชาชน เราขอดูขีดความสามารถในการช่วยกันอย่างดีที่สุดก่อนที่จะมีระดับยาแรง แต่ตอนนี้ขอให้บังคับใช้ในกรณีที่ผู้ว่าฯ ประกาศให้เต็มที่ไปก่อน" นพ.ทวีศิลป์ระบุ
โฆษก ศบค. กล่าวย้ำถึงการใช้งานแอปพลิเคชั่น "ไทยชนะ" ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ว่า ในภาพรวมมีการใช้งานเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่มากนัก ดังนั้นต้องขอความร่วมมือประชาชนใน จ.สมุทรสาคร หรือคนที่จะเดินทางเข้าไปใน จ.สมุทรสาคร จะต้องใช้แอปฯ "ไทยชนะ" ทุกคน เพื่อให้สามารถติดตามย้อนหลังได้ว่าได้เดินทางไปที่ไหนบ้าง ส่วนที่ จ.ระยอง พบว่ามีประชาชนใช้แอปฯ ไทยชนะเพิ่มมากขึ้นแล้ว
"การใช้ในบ้านแพ้ว กระทุ่มแบนยังไม่เต็มที่ ใน อ.เมืองสมุทรสาครเพิ่มขึ้นบ้างนิดหน่อย หากท่านคิดว่ามีประโยชน์ ขอให้ทั้ง 3 อำเภอนี้ช่วยกันใช้ ส่วนที่ระยอง อ.เมือง เพิ่มขึ้น แต่อำเภออื่นยังทรงๆ อยู่ แต่ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว