นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีความห่วงใยต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 2 ที่เกิดการแพร่ระบาดได้ง่ายและกระจายสู่วงกว้างอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งสถานพยาบาลในพื้นที่อาจไม่เพียงพอต่อการให้บริการผู้ติดเชื้อที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นดังนั้นจึงขอความร่วมมือไปยังวัดทั่วประเทศที่มีความพร้อมในการให้บริการปรับพื้นที่เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรง เพื่อบรรเทาความแออัดแก่โรงพยาบาลหลักและอำนวยความสะดวกแก่บุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่
ตนเองขอแสดงความชื่นชมกรณีที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม วัดโกรกกราก ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้ทำการปรับพื้นที่วัดเพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม นับเป็นแบบอย่างที่ดีที่วัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ ยังคงเป็นที่พึ่งและเป็นศูนย์กลางของคนในชุมชนทุกยุคทุกสมัย อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง แสดงออกถึงพลังความสามัคคี ความเอื้อเฟื้อของสังคมไทย เมื่อเกิดเหตุทุกข์ภัยใดๆ มีผลกระทบได้รับความเดือดร้อน ประชาชนจะมีความเห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือกันเกื้อกูลกันมาโดยตลอด
นอกจากนี้ยังมีวัดอีกหลายแห่งที่พร้อมปรับพื้นที่เป็น รพ.สนาม เช่น วัดช่องลม และวัดเทพนรรัตน์ ในพื้นที่ อ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งได้จัดเตรียมอาคารที่พักสำหรับรองรับผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาไว้ด้วย
ส่วนในพื้นที่ จ.ชลบุรี 4 แห่ง ได้เตรียมปรับพื้นที่วัดเป็น รพ.สนาม เช่นกัน ประกอบด้วย วัดคลองมือไทร อ.บ่อทอง จัดเตรียมศาลาสำหรับ 100-150 เตียง, วัดกุณฑีธาร อ.บ้านบึง จัดเตรียมอาคารสวนพุทธธรรมปฏิบัติธรรม สำหรับ 100 เตียง, วัดเขาช่องลม อ.ศรีราชา ปรับพื้นที่ว่างเปล่า 5 ไร่ และ วัดยุคลราษฎร์สามัคคี อ.พานทอง จัดเตรียมศาลา สำหรับ 50 เตียง
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่รัฐกำหนดไว้ และติดตามข้อมูลข่าวสารจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เป็นหลัก เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปฏิบัติให้ปลอดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19