พล.ต.ต.ธนิต จิรนันท์ธวัช นายแพทย์ (สบ.6) ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มงานพยาธิวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงกรณีมีผู้เสียชีวิตจากการเสพยาเคนมผงในหลายพื้นที่ของกทม.ว่า จากการตรวจสอบสารเสพติดที่ตรวจยึดได้จากที่เกิดเหตุพื้นที่สน.วัดพระยาไกร พบว่ามีส่วนผสมแตกต่างกัน 2 สูตร โดยสูตรไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตามต้องการ ซึ่งหากปริมาณสารทุกตัวมีมากก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
ทั้งนี้ สูตรแรกประกอบด้วยเคตามีน และยานอนหลับไดอะซีแพม และ สูตรที่สองประกอบด้วย เคตามีน เฮโรอีน และยาอี อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 สูตรไม่พบส่วนผสมของยาไอซ์และนมผงตามชื่อสูตรยา อีกทั้งเชื่อว่าแหล่งที่มาของสารในแต่ละสูตรมาจากคนละแหล่ง
พล.ต.ต.ธนิต กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการเสพสารดังกล่าว เนื่องจากปกติการผลิตสารเสพติดมักการเสริมฤทธิ์ของยาเสพติดรุนแรงหลายชนิดที่นำมาผสมกัน โดยยาเค มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้เคลิบเคลิ้ม ความดันโลหิตสูงขึ้น ลดอัตราการหายใจ เพื่อเสพในปริมาณมากจะทำให้เสียชีวิตได้ และหากมีส่วนผสมของยาอีที่มีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจก็จะทวีความรุนแรงถึงอีก
ส่วนยานอนหลับเชื่อว่าผู้เสพนำมาผสมเพิ่มเติม เนื่องจากผู้เสพมีภาวะดื้อยาจึงนำยานอนหลับที่หาได้ง่ายมาผสมให้เกิดเป็นตัวยาใหม่ ทั้งนี้การผสมตัวยาหลายชนิดทำให้ไปกดผลข้างเคียงของตัวยาชนิดอื่นทำให้ผู้เสพไม่รับรู้ถึงผลข้างเคียงและเสพเพิ่มขึ้นจนถึงขีดอันตราย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการตรวจพบสูตรยาค็อกเทลในลักษณะนี้มานานแล้ว โดยมักมีการผสมมากสุด 3 ชนิด ซึ่งในต่างประเทศนิยมเสพยาค็อกเทลในลักษณะนี้ แต่การเสียชีวิตหมู่ 6 ศพถือว่าพบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งล่าสุด สน.วัดพรยาไกรได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตรายที่ 7 จากการเสพยาเคนมผงให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจพิสูจน์ชันสูตรศพ คาดว่าจะทราบผลเร็วๆนี้