ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 157 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศ 90 ราย ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 42 ราย ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 25 ราย แบ่งเป็นผู้ที่เข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 4 ราย และผู้เดินทางจากเมียนมา 21 ราย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 10,991 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 5,785 ราย และการตรวจคัดกรองเชิงรุก 3,006 ราย ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2,200 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 6,943 ราย เพิ่มขึ้น 211 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 67 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า หากแยกข้อมูลออกมาเฉพาะช่วงการระบาดรอบใหม่ ตั้งแต่กลางเดือนธ.ค.63 - ปัจจุบัน จะพบว่าเพียงระยะเวลาเกือบ 1 เดือน มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วถึง 6,754 ราย โดยในจำนวนนี้ มีทั้งผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ.ทั่วไป และ รพ.สนาม
"ตัวเลขผู้ป่วย 6,700 กว่าคน เป็นยอด 3 สัปดาห์ เกือบ 4 สัปดาห์ ดังนั้นทุกจังหวัดยังมีความเสี่ยงทั้งหมด เป็นนโยบายของ รมว.สาธารณสุข และปลัดสาธารณสุข ให้ทุกที่จัดหาไว้ก่อนเลย (รพ.สนาม) เพราะ 80% ของคนที่ป่วย เป็นแบบไม่แสดงอาการ ที่ต้องการใช้ รพ.สนาม" โฆษก ศบค.ระบุ
อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วประเทศ ล่าสุดมีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอีก 1 จังหวัด คือ พิษณุโลก ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดกระจายอยู่ในพื้นที่ 60 จังหวัดทั่วประเทศ
"จังหวัดพิษณุโลก เป็นจังหวัดล่าสุดที่รายงานเข้ามาว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัทขนส่ง มีภูมิลำเนาที่หนองบัวลำภู เดินทางไป 2 ที่ ตรวจพบว่ามีอาการไข้ ไอ วันที่ 7 ม.ค. แล้วกลับที่พิษณุโลกไปตรวจ วันที่ 9 ม.ค. ผลออกมาวันที่ 11 ม.ค." นพ.ทวีศิลป์ระบุ
อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มการสั่งซื้อของออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ทำให้ประชาชนเริ่มมีความวิตกกังวลต่อการติดเชื้อโควิด ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการรับสินค้าจากผู้ให้บริการขนส่ง ซึ่งก็ยอมรับว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ หากสินค้าหรือพัสดุนั้นมีการปนเปื้อนละอองฝอยน้ำลายของผู้ที่ติดเชื้ออยู่ ดังนั้นการรักษาสุขอนามัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อหยิบจับสินค้าหรือพัสดุดังกล่าวแล้ว ก็ควรต้องล้างทำความสะอาดมือให้สะอาดด้วย
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 50 รายขึ้นไป ประกอบด้วย 10 จังหวัด คือ สมุทรสาคร, ชลบุรี, ระยอง, กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, จันทบุรี, นนทบุรี, นครปฐม, อ่างทอง และปทุมธานี ส่วนจังหวัดที่มีผู้ป่วย 11-50 ราย มี 12 จังหวัด, ผู้ป่วย 1-10 ราย มี 38 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานพบผู้ป่วยมาก่อน มี 17 จังหวัด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยอดรวมผู้ป่วยเฉพาะในจังหวัด 10 อันดับแรก จะพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยในสัดส่วนถึง 70-80% ของยอดรวมผู้ป่วยในการระบาดรอบใหม่นี้ ดังนั้นหากประชาชนใน 10 จังหวัดดังกล่าว มีสามารถรักษามาตรการด้านสุขอนามัยไว้อย่างเคร่งครัด ก็จะมีส่วนช่วยทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในภาพรวมของประเทศลดลงมาได้
"ถ้าท่านที่อยู่ใน 10 จังหวัดนี้ รวมพลังจริงจัง จะลด curve ได้ทั้งประเทศ ก้อนใหญ่ๆ ทั้งหมดนี้ แค่สมุทรสาคร ก็ 3 พันกว่าคนแล้ว ถ้ารวม 10 จังหวัด ก็เป็น 70-80% ของเคสทั้งหมดของประเทศแล้ว ดังนั้นถ้าท่านที่อยู่ใน 10 จังหวัดนี้ ร่วมมือกันดูแลสุขลักษณะส่วนตัว และภายในจังหวัดไม่เล่นพนัน ไม่มีการเที่ยวกลางคืน ดื่ม เสพ สูบ หรือเปิดสถาบันเทิงที่ผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ควรจะมี ก็จะทำให้ตัวเลขนี้ ดึงลงมาได้" โฆษกศบค.ระบุ
ส่วนข้อกังวลถึงความน่าเชื่อถือของแบบประเมินตัวเองเบื้องต้นที่อยู่ในแอปพลิเคชั่น "หมอชนะ" นั้น โฆษก ศบค.กล่าวว่า ล่าสุดทางแอปฯ ได้ตัดชุดคำถามแบบประเมินออกไปแล้ว เหลือเพียงการให้ผู้ใช้ได้ลงทะเบียน และถ่ายรูปยืนยันตัวตนเท่านั้น โดยพบว่ามีผู้โหลดแอปฯ หมอชนะแล้วประมาณ 4.83 ล้านคน แต่เป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุขต้องการให้กลุ่มคนทำงานทั้งหมด 40 กว่าล้านคนใช้งานแอปฯ นี้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ช่วยกันดาวน์โหลดให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์สำหรับแพทย์ในการใช้ข้อมูล ขณะเดียวกันประชาชนจะได้มีระบบแจ้งเตือน หากเข้าไปอยู่ใกล้กับคนที่มีความเสี่ยง