นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ปฏิบัติราชการรองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำนวนจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดน้อยลง โดยผู้ติดเชื้อที่พบมากวันนี้เกิดจากการค้นหาเชิงรุกที่จ.สมุทรสาคร รวมทั้งยังได้เริ่มพบการติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวที่ภาคใต้ คือ ตรัง และพัทลุง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ยกระดับเฝ้าระวังและค้นหาสาเหตุ
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่จ.ตรัง 2 ราย โดยเป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา เพศชาย อายุ 33 ปีทั้งคู่ ทำงานในโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในโรงงานจำนวน 10 ราย ที่เป็นต่างด้าว ผลตรวจเป็นลบ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนอีกจำนวน 150 คน แต่ทั้ง 2 รายไม่มีโอกาสแพร่เชื้อเพราะอยู่ในรพ.แล้ว
ส่วนกรณีของจ.สุราษฎร์ธานี พบผู้ติดเชื้อ 11 ราย เชื่อมโยงกับจ.สมุทรสาคร เป็นหญิง 50 ปีและบุตรสาวจากสมุทรสาคร ไปสัมผัสใกล้ชิดญาติที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีทั้งผู้สูงอายุ เป็นมารดา อายุ 75 ปี อายุ 57 ปี อายุ 55 ปี และเด็กอายุ 1 ขวบและ 3 ขวบ และมีการเชื่อมโยงกับที่นครศรีธรรมราช จากการที่หลานสาวไปเที่ยวบาร์ที่อ.ขนอม ทำให้ติดเชื้อรวมเป็น 11 ราย โดยที่สมุทรสาคร 2 ราย สุราษฎร์ธานี 8 ราย และนครศรีธรรมราช 1 ราย
นอกจากนี้ ยังพบการระบาดในกลุ่มก้อน 2 ครอบครัวที่กทม. เขตทวีวัฒนา ซึ่งเริ่มจากคนหนุ่มสาววัยทำงานติดเชื้อก่อน และไปแพร่เชื้อให้ทางครอบครัว พ่อแม่ หรือเด็กๆในบ้าน
"ขณะนี้พบการติดเชื้อในผู้สูงอายุจำนวนมากหลายราย โดยติดเชื้อจากในครอบครัวโดยคนหนุ่มสาวที่ไม่มีอาการ ทำให้มีความเสี่ยงอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ เช่น กรณีเขตทวีวัฒนา กทม. มีการติดเชื้อใน 2 ครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุติดเชื้อทั้งอายุ 91 ปี 71 ปี และ 73 ปี หรือกรณี จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีการติดเชื้อ 11 ราย ก็พบการติดเชื้อในเด็กอายุ 1 ปี 3 ปี และผู้สูงอายุ 55 ปี 57 ปี และ 77 ปี ดังนั้น ต้องยกระดับค้นหาเชิงรุกในชุมชน โดยเฉพาะจังหวัดที่ยังพบผู้ติดเชื้อ เช่น พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ต้องกำกับติดตามกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้ครบ 14 วัน ช่วยลดเสี่ยงแพร่เชื้อต่อในชุมชน และลดเสี่ยงการติดเชื้อในผู้สูงอายุได้ขอความร่วมมือลูกหลาน ที่อยู่หรือไปเยี่ยมผู้สูงอายุ ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค" นพ.โสภณ กล่าว