นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาครถึง ความกังวลด้านความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 หลังมีรายงานในต่างประเทศได้รับวัคซีนแล้วเสียชีวิตนั้นว่า ขณะนี้ข้อมูลทั้งหมดมาจากสื่อต่างชาติ ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากองค์กรของรัฐใดๆ ว่าใช้วัคซีนแล้วมีปัญหาหรือเกิดอันตราย หรือควรยกเลิกการใช้
สำหรับการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนต้องมีความปลอดภัย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขึ้นมา เพื่อจัดทำนโยบายและจัดลำดับกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีนก่อน โดยวัคซีนที่จะนำมาใช้ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างละเอียด ขณะเดียวกันการอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้องอยู่บนสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังไม่สามารถใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้นรัฐบาลจะกำหนดและควบคุมอยู่
ส่วนจะมีกลุ่มตัวอย่างทดลองวัคซีนหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนวัคซีน-19 ในไทยต้องพิจารณาผลการทดลองของผู้ผลิตมาเป็นองค์ประกอบด้วย ซึ่งต้องทำควบคู่กันไป ทั้งด้านความปลอดภัยและเวลา โดยยึดหลักมาตรฐานที่สถาบันทางการแพทย์และองค์การอนามัยโลกยอมรับ รวมถึงทีมแพทย์ไทยจะระดมกำลังหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับประชาชน
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะทดสอบวัคซีนหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ยึดความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง ซึ่งคาดหวังว่า จะสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้จำนวนมากประมาณเดือนมิถุนายน
นายอนุทิน ยืนยันว่า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดลดลง ทุกอย่างมีความปลอดภัย สามารถควบคุมได้ รัฐบาลก็พร้อมจะคลายล็อกมาตรการต่างๆ โดยทันที
"รัฐบาลไม่ได้มีความสุขที่ประกาศสิ่งเหล่านี้ มีความทุกข์ ความกังวล ความห่วงใย แต่ก็จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้ปลอดภัย" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวถึงแอปพลิเคชั่นหมอชนะว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีปัญหา และขออย่ากังวลว่าจะนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางเสียหาย เพราะระบบจะใช้เฉพาะการติดตามมารักษาหากพบการติดเชื้อ
สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดสมุทรสาคร นายอุมิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สถานการณ์ยังควบคุมโรคได้ระดับหนึ่ง มีการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ติดเชื้อ ทั้งโรงพยาบาลสนาม และ Factory Quarantine ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเจ้าของโรงงานนำแรงงานที่ติดเชื้อเข้าสถานที่กักกันติดตามอาการ โดยหากพบมีการติดเชื้อรุนแรงจะนำส่งโรงพยาบาล แต่หากไม่มีอาการจะเฝ้าติดตาม 14 วัน เมื่อครบกำหนดจะถือว่ามีภูมิคุ้มกัน ก็จะให้ออกจากสถานที่กักกันได้
สำหรับพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครนั้นจะเน้นการตรวจคัดกรองเชิงรุก ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพ เพราะสามารถติดตามหาผู้ติดเชื้อและควบคุมการแพร่ระบาดได้ตั้งแต่ต้นทาง ช่วยลดการสัญจร และลดการแพร่กระจายเชื้อออกนอกพื้นที่ได้
นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภาพรวมดีขึ้น แม้ขณะนี้ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างทำงานเต็มที่และตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ส่วนการควบคุมการแพร่ระบาดที่ผ่านมาต้องขอบคุณประชาชนให้ความร่วมมือตั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐ และขอให้รักษาวินัยอย่างนี้ต่อไป