
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 309 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 80 ราย จากสมุทรสาคร 49 ราย กรุงเทพฯ 8 ราย ตาก 5 ราย ปทุมธานี 6 ราย นนทบุรี 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย กาญจนบุรี 2 ราย เพชรบุรี 2 ราย ราชบุรี 3 ราย สมุทรปราการ 2 ราย, จากค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 217 ราย ในสมุทรสาคร 212 ราย กรุงเทพฯ 5 ราย, ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ทั้งหมด 12 ราย ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร อิตาลี ซูดาน ประเทศละ 2 ราย และมาจากเลบานอน เอสโตเนีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สวิตเซอร์แลนด์ ศรีลังกา เยอรมนี ประเทศละ 1 ราย

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศล่าสุดอยู่ที่ 13,104 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 6,381 ราย และการตรวจคัดกรองเชิงรุก 4,384 ราย ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2,339 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 10,224 ราย เพิ่มขึ้น 382 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 71 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวว่า การประชุมร่วมกันของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) และ ศบค.ชุดเล็กในวันนี้มีข้อสรุปว่าสัปดาห์หน้าจะดำเนินการคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง เพื่อนำตัวผู้ติดเชื้อมากักกันโรค เพื่อลดการแพร่เชื้อ
โดยวันพรุ่งนี้กระทรวงสาธารณสุข จะประชุมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำหนดแผนปูพรมตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง เช่น สมุทรสาครที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก และบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ที่อยู่ติดกับสมุทรสาคร เช่น เขตบางขุนเทียนที่มีโรงงาน 4 แห่งพบผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้
"ตัวเลขที่ได้ภายในวันที่ 31 มกราคมจะนำมาใช้พิจารณาตัดสินใจปรับมาตรการว่าจะผ่อนคลายหรือเข้มข้มอยู่" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษก ศบค.กล่าวว่า เราต้องอยู่ต่อไปให้ได้เพราะโรคนี้ยังอยู่กับเราต่อไป ทุกคนมีความเสี่ยง ดังนั้นทุกคนจะต้องป้องกันตัวเองตามหลักชีวอนามัยอย่างดีที่สุด ทุกครั้งที่พบกับคนอื่นต้องป้องตัวเองอยู่เสมอว่าทุกคนมีโอกาสติดเชื้อ เหมือนกับวัณโรคที่ยังมีการระบาดอยู่ โดยเชื้อลอยอยู่ในอากาศ
ส่วนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมทั้งสิ้น 98,086,978 ราย เสียชีวิต 2,100,341 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 25,171,717 ราย อันดับสอง อินเดีย 10,625,420 ราย อันดับสาม บราซิล 8,697,368 ราย อันดับสี่ รัสเซีย 3,655,839 ราย อันดับห้า สหราชอาณาจักร 3,543,646 ราย โดยประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 128