นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีนโยบายให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อรองกับกับมาตรการของรัฐบาลที่จะออกมาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยในส่วนของภาคการท่องเที่ยวนั้น ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเร่งดำเนินโครงการมาตรฐานความปลดภัยด้านสาธารณสุข Amazing Thailand Safety&Health Administration (SHA) ซึ่งเป็นโครงการที่กระตุ้นให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปรับปรุงสถานประกอบการให้สอดคล้องกับการท่องเที่ยววิถีใหม่ หรือ New Normal ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวควบคู่กับมาตรฐานด้านสุขภาพอนามัย
สำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA ดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ การตรวจโดยคณะกรรมการตรวจประเมิน และ การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า เมื่อผู้ประกอบการที่สมัครเข้าร่วมโครงการผ่านการตรวจสอบจะได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ในสถานประกอบการ
นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ททท.ได้รายงานให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติทราบว่า ตั้งแต่ เริ่มเปิดตัวโครงการเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 เป็นต้นมา มีสถานประกอบการในภาคการท่องเที่ยวสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 9,894 แห่ง ผ่านการประเมินและได้รับตราสัญลักษณ์ SHA แล้ว 7,950 แห่ง หรือคิดเป็น 80.35%
กลุ่มกิจการที่สมัครร่วมโครงการและผ่านการประเมินมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1.โรงแรมและที่พักสถานที่จัดการประชุม ร่วมโครงการ 3,747 แห่ง ผ่านการประเมิน 2,991แห่ง คิดเป็น 79.82% 2.ภัตตาคาร/ร้านอาหาร เข้าร่วมโครงการ 2,688 แห่ง ผ่านการประเมิน 2,128 แห่ง คิดเป็น 78.86% 3.บริษัทนำเที่ยว ร่วมโครงการ 1,103 แห่ง ผ่านการประเมิน 868 แห่ง คิดเป็น 78.69%
สำหรับสำหรับปี 2564 ททท.และกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายว่า จะเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA ให้ได้มากที่สุด มีการสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ในด้านของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติจะมีการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานที่ทางการดำเนินการอยู่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในสินค้าและบริการท่องเที่ยวของไทย
"SHA เป็นมาตรฐานที่เหมือนสัญลักษณ์แสดงว่าผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวได้ปรับปรุงทั้งสินค้าและบริการโดยมีมาตรฐานด้านสาธารณสุขเป็นหัวใจหลัก ซึ่งจะเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญสำหรับการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในระยะต่อไป"นางสาวไตรศุลี กล่าว