นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในการสกัดโควิด-19 แพร่ระบาดในสัปดาห์นี้ว่า การผ่อนปรนมาตรการเป็นหน้าที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การโควิด-19 (ศบค.) ตัดสินใจ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุมเพื่อนำเสนอว่า พื้นที่บริเวณไหนสีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีเขียว เป็นการแบ่งเพื่อให้มีการกำหนดมาตรการควบคุมสูงสุด ควบคุมปกติ และเป็นพื้นที่ปลอดอันตราย และจะแบ่งว่า แต่ละพื้นที่จะมีการผ่อนปรนมาตรการอย่างไรบ้าง โดยจะมีการนำเสนอข้อมูลที่เป็นการสนับสนุนให้การตัดสินใจเป็นไปในแนวทางดังกล่าว
"กระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่คนตัดสินใจ แต่จะมีการนำเสนอข้อมูลให้ศบค.ตัดสินใจ จึงต้องรอให้คณะทำงานประชุมกันก่อน เพราะบางอย่างสามารถสั่งการได้เลย แต่บางอย่างที่ต้องเข้าที่ประชุมใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องข้อกฎหมายที่ต้องปรับ"
ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ไปยื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาข้อตกลงและเงื่อนไขผูกพันระหว่างรัฐบาลกับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า และบริษัท สยามไบโอไซน์ เกี่ยวกับการจัดหาและซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องของสัญญายืนยันไปแล้วว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย โดยมีช่องทาง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร และในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง หากจะมีการเปิดเผยข้อมูลต้องได้รับความเห็นชอบจากคู่สัญญาก่อน
"เราพร้อมอยู่แล้ว เราพร้อมทำตามกฏหมาย คนมาขอก็ต้องทำตามกฎหมาย หากอยู่ๆ ดี เราให้ก่อนก็อาจผิด ไม่ให้ก็ผิด ซึ่งคู่สัญญาคือกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งปลัดฯ มีหน้าที่พิจารณาคำร้อง" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีความลับอยู่แล้ว แต่หากรีบเร่งเปิดเผยข้อมูลไปก่อนโดยไม่ได้รับความเห็นชอบของคู่สัญญา ทางคู่สัญญาอาจมีการยกเลิกหรือขอปรับราคาได้ จึงจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนกฏหมายดีที่สุด
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นบกพร่องการแก้ปัญหาโควิด-19 นั้น นายอนุทิน กล่าวว่าพร้อมที่จะตอบและนำผลงานมาอธิบายให้เต็มที่ และถือเป็นการชี้แจงประชาชนด้วย ซึ่งต้องไปทำการบ้านให้ดี และไม่ได้กลัวว่าจะเจอหมัดเด็ด