นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยว่า ผู้ติดเชื้อที่พบในวันนี้ส่วนใหญ่มาจากมาตรการคัดกรองเชิงรุกและอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ขณะที่มีผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการเหลือ 22 ราย ลดลงจากเมื่อวาน 92 ราย โดยช่วงวันที่ 24-28 ม.ค.64 พบผู้ติดเชื้อใน 14 จังหวัด ไม่พบผู้ติดเชื้อ 47 จังหวัด จากที่พบผู้ติดเชื้อในระลอกสอง 63 จังหวัด
จังหวัดส่วนใหญ่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ แต่ต้องมีมาตรการเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยพื้นที่กรุงเทพมีการควบคุมการระบาดได้ดีแต่ต้องติดตามผู้ป่วยบางกลุ่มก้อน ส่วนจังหวัดสมุทรสาครยังพบผู้ป่วยสูง ซึ่งต้องมีมาตรการปูพรมคัดกรองเชิงลึกต่อเนื่อง
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ถึงแม้โควิด-19 จะมีอัตราป่วยตายอยู่ที่ 0.49% ซึ่งต่ำกว่าทั่วโลกที่ 2% แต่ยังถือว่าเป็นโรคระบาดอันตราย และหลังจากนำวัคซีนแล้วหวังผลที่จะช่วยลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตลงเหมือนการฉีดไข้หวัดใหญ่ที่มีอัตราการป่วยตายอยู่ที่ 0.02% ส่วนผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนก็เหมือนวัคซีนทั่วไปที่อาจเกิดอาการไข้ ปวดบริเวณที่ฉีด แต่ไม่อันตรายถึงเสียชีวิต
"ยังเป็นโรคที่มีความรุนแรงมากกว่าไข้หวัดใหญ่ เทียบเท่ากับไข้เลือดออก แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังมีการระบาดใหญ่ทั่วโลกอยู่ ประเทศไทยยังเรียกว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย" นพ.เฉวตสรร กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ปกปิดไทม์ไลน์นั้น กรมควบคุมโรคได้แจ้งไปยังเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ กทม.ให้ตรวจสอบและดำเนินการกับผู้ป่วยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดแล้ว