สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "คนไทยคิดอย่างไรกับการเปิดบ่อนพนัน"จำนวน 1,929 คน สำรวจวันที่ 27 ม.ค. ? 5 ก.พ. 2564 พบว่า จากกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามสถานที่ต่างๆ ประชาชนให้ความสำคัญกับกรณีการแพร่ระบาดจากการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานเถื่อนมากที่สุด ร้อยละ 92.55 รองลงมาคือการแพร่ระบาดจากบ่อนการพนันผิดกฎหมาย ร้อยละ 86.30
โดยมองว่าการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายนั้นไม่ช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ ได้ ร้อยละ 51.63 และเห็นว่าช่วยได้ ร้อยละ 30.12 ผลดีของการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมาย คือ ทำให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี ร้อยละ 81.97 ผลเสียคือ เป็นหนี้ คนไม่ทำงาน เป็นภาระให้ครอบครัว ร้อยละ 69.22 โดยภาพรวมเห็นด้วยหากจะมีการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย ร้อยละ 50.70 แต่ไม่สนใจไปใช้บริการ ร้อยละ 83.14
เป็นกระแสที่ถกเถียงกันในสังคมมาช้านานสำหรับประเด็นการเปิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายในประเทศไทยแม้ผลสำรวจจะเห็นด้วยกับการเปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมาย แต่ก็ต้องมีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบคอบคำนึงถึงผลดีและผลเสียที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ไม่เช่นนั้นก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องตามแก้กันอีกในอนาค
นายยุธยา อยู่เย็น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่า จากปัญหาการลักลอบเล่นพนันในบ่อนต่าง ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยนั้น ส่งผลให้สังคมไทยตื่นตัวและเฝ้าจับตามองการรายงานสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเป็นสิ่งที่ยากต่อการตรวจสอบและเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย เพราะผู้ติดเชื้อมักไม่ให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลเพราะกลัวความผิดตลอดจนการตั้งข้อสงสัยต่อประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแล
ดังนั้น จึงเป็นที่มาของคำถามเดิมที่ว่าถึงเวลาหรือยังที่ควรมีการเปิดบ่อนพนันที่ถูกกฎหมายในประเทศไทยเสียทีทั้งนี้ จากผลสำรวจของสวนดุสิตโพลในประเด็นดังกล่าวจะเห็นได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าควรเปิดบ่อนพนันที่ถูกกฎหมาย เนื่องจาก เป็นการสร้างรายได้แก่ประเทศในการจัดเก็บภาษี ลดปัญหาการทุจริต การเก็บส่วย หรือ มาเฟีย ตลอดจนทำให้ควบคุมได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตามภาครัฐก็ยังคงต้องไขข้อข้องใจแก่ประชาชน ถึงมาตรการในการป้องกันผลกระทบที่จะตามมาภายหลัง อาทิเช่น ปัญหาหนี้สิน การมอมเมาประชาชน ตลอดจนการเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน เป็นต้น