นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากประเทศจีนภายในเดือนนี้ว่า วัคซีนที่ผลิตจากจีนที่ผ่านการรับรองจากประเทศต้นทางนั้น เอกสารทั้งหมดจะส่งมาที่ประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกแกฝ่ายไทยในการขึ้นทะเบียนวัคซีน
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอย้อนอธิบายว่าตามแผนหลักนั้น ประเทศไทยจะจองซื้อวัคซีนซึ่งเป็นสูตรการผลิตจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษ ซึ่งได้ทำสัญญาไว้แล้ว 61 ร้านโดส ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงนั้นยังไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่เหมือนเช่นปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามเมื่อการระบาดระลอกใหม่เริ่มต้นขึ้น ประเทศไทยจึงได้ปรับแผนและจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากผู้ผลิตจากจีนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2 ล้านโดส และตามสัญญาทางผู้ผลิตจะทยอยส่งวัคซีนมาให้ไทยในเดือน ก.พ.จำนวน 2 แสนโดส ในเดือน มี.ค.จำนวน 8 แสนโดส และในช่วงเดือน เม.ย.อีก 1 ล้านโดส ส่วนแผนการหลักในเดือน มิ.ย.จะเริ่มมีการแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศไทย
นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้ล้มเหลวกับการได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนสูตรเดียวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศอังกฤษ ทั้งนี้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของ supply chain เราได้เป็นฐานการผลิตจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการจัดหาและการกระจายวัคซีนในอนาคต ดีกว่าการที่รอให้ประเทศอื่นผลิต แล้วเราต้องมาลุ้นสถานการณ์จากประเทศต้นทาง ซึ่งอาจกระทบกับแผนจัดการของไทย
พร้อมกันนี้ ประเทศไทยไม่เคยปิดกั้นเรื่องการจัดหาวัคซีน และพร้อมหารือกับทุกฝ่าย โดยการจัดหาวัคซีนต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่ฝ่ายทางการไทยรวมไปถึงทางผู้ผลิตยอมรับกันได้ ซึ่งเราจะคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัย ราคา การขนส่ง ระยะเวลาที่จะได้รับว่าเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่
"ขอย้ำว่าประเทศไทยวางแผนไว้อย่างรัดกุม แต่เมื่อเกิดการระบาดขึ้นอีกรอบก็ต้องปรับแผนการจัดหาวัคซีน และดำเนินการคุมโรค ถามว่าการระบาดที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำผิดกฎหมาย อาทิ การลักลอบเข้าเมือง บ่อนการพนัน แต่กลับมีความพยายามตำหนิการทำงานของทีมสาธารณสุข มาตอนนี้ก็ได้แต่ทำงาน และไม่อยากให้ใครนำการสาธารณสุขไทยไปเปรียบเทียบ เพราะไทยทำได้ดีติดอันดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้ว" นายอนุทิน กล่าว