นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วย การจัดเก็บ จัดบรรจุ และกระจายวัคซีนโควิด-19 ระหว่าง องค์การเภสัชกรรม และบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด
นพ.โสภณ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้จัดหาวัคซีนเร่งด่วน จำนวน 2 ล้านโด๊ส รองรับระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เพิ่มจากแผนจัดหาเดิมที่กรมควบคุมโรคสั่งซื้อจากบริษัท Astra Zeneca โดยเจรจากับบริษัท Sinovac Biotech Limited People?s Republic of China ซึ่งเป็นบริษัทที่สามารถส่งวัคซีนได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มอบให้องค์การฯ เป็นผู้ดำเนินการ นำเข้าและขึ้นทะเบียนยา กรมควบคุมโรคเป็นผู้จัดซื้อและกระจายผ่านองค์การฯ ไปสู่ประชาชนต่อไป ประชาชน 1 คนจะได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 2 โดส รวมทั้งจะได้รับวัคซีนของบ.แอสตร้า เซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 26 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน 2564 และนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติวัคซีนเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส รวมวัคซีนที่จะฉีดให้คนไทยคือ 63 ล้านโดส ครอบคลุมได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของคนไทย
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ที่องค์การฯ สั่งซื้อจากบริษัท ซิโนแวก ไลฟ์ไซเอน ประเทศจีน จำนวน 2 ล้านโดส จะแบ่งการส่งมอบเป็น 3 งวด งวดแรก จำนวน 200,000 โดส ซึ่งจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ งวดที่ 2 จำนวน 800,000 โดส ส่งมอบในเดือนมีนาคม งวดที่ 3 จำนวน 1 ล้านโดส ส่งมอบในเดือนเมษายน 2564 รวมทั้งสิ้น จำนวน 2 ล้านโดส
โดยวัคซีนทั้งหมด 2 ล้านโดสนี้ องค์การฯได้ร่วมมือกับ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ บรรจุ ภายในห้องจัดเก็บยาเย็น และกระจายภายใต้มาตรฐานสากลไปยังโรงพยาบาลตามแผนการฉีดให้กับประชาชนที่กำหนดไว้ โดยบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้การสนับสนุนแก่รัฐบาลไทยในการดำเนินงานด้านการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 ล้านโดสนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
สำหรับวัคซีนจำนวน 200,000 โดสแรกจากจีนจะมาถึงไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อดำเนินพิธีการศุลกากร และเจ้าหน้าที่อย.ตรวจแล้ว จะขนส่งไปยังคลังสำรองวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) สำหรับเตรียมการจัดส่งกระจายต่อไป นายจอห์น แคลร์ รองประธานฝ่ายบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ประเทศไทยและอินโดจีน (เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว) บริษัท ดีเคเอสเอช กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมด้วยบรรจุภัณฑ์พิเศษ "Brilliant Box"ที่ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการควบคุมอุณหภูมิของสินค้าในกล่อง เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการบรรจุและขนส่งยาเย็น เช่น วัคซีนโควิด-19 ที่ต้องคุมอุณหภูมิไว้ไม่เกิน 2 - 8 องศาเซลเซียส ตลอดการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพ บรรจุภัณฑ์ Brilliant Box ยังมีน้ำหนักเบา ทนทาน และสามารถนำมาใช้ซ้ำได้เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ รถขนส่งปรับอากาศของบริษัทยังมีระบบเก็บความเย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิในรถ เหมาะกับการขนส่งยาเย็นโดยเฉพาะ โดยมีการติดตั้ง Data Logger ที่สามารถตรวจวัดอุณหภูมิภายในรถได้ตลอดการขนส่ง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน วิธีการที่ดีในการกระจายยา และมาตรฐานสูงสุดด้านการกำกับดูแลและการประกันคุณภาพ
"บริษัทมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมสนับสนุนประเทศไทยอีกครั้งในการขนส่งและกระจายวัคซีนโควิด-19 จึงถือว่าได้รับเกียรติ ได้รับความไว้วางใจ ทั้งจากองค์การเภสัชกรรมให้โอกาสดำเนินภารกิจสำคัญในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและประสิทธิภาพอันเป็นที่ประจักษ์ของเรา จึงขอขอบคุณ ที่ให้บริษัทได้ร่วมมีบทบาทในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนี้"