(เพิ่มเติม) สธ.เล็งเสนอลดวันกักตัวต่างชาติเหลือ 10 วัน-ผู้ฉีดวัคซีนแล้วเหลือ 7 วัน เว้นแอฟริกา

ข่าวทั่วไป Monday March 8, 2021 17:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า ประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หลังจากทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วถึงราว 250 ล้านเข็ม ทำให้เริ่มมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นในคนจำนวนมาก คาดว่าประเทศไทยจะดำเนินการได้ภายในเดือน เม.ย.64 โดยจะเสนอ ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19(ศบค.) พิจารณาต่อไป

หลักการที่ได้พิจารณาและจะเสนอต่อรัฐบาล คือ

-ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีใบรับรองการรับวัคซีน แต่มีใบรับรองการปลอดโควิด-19 ต้องกักตัว 10 วัน

-ผู้ที่มีเอกสารรับรองว่าได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน โดยได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่า 14 วันและไม่เกิน 3 เดือนก่อนการเดินทาง รวมทั้งมีเอกสารรับรองการปลอดโควิด-19 จะลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน

-คนไทยเดินทางจากต่างประเทศมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือน หากไม่มีเอกสารรับรองปลอดโควิด ผลการตรวจหาเชื้อในประเทศไทย 2 ครั้งไม่พบเชื้อ ให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยกเว้นสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกายังต้องกักตัวให้ครบ 14 วันตามมาตราการเดิม

และระยะต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 หากฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงอย่างน้อย 70% และประชาชนที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบตามเป้าหมาย บางพื้นที่อาจผ่อนคลายไม่ต้องกักตัว

ส่วนในอนาคตจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูผลของการฉีดวัคซีนจากทั่วโลกเพื่อมาวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ก่อน

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนจากสถานพยาบาล โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากประสงค์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้นำใบรับรองการฉีดวัคซีนไปขอรับวัคซีนพาสปอร์ต หรือ สมุดเล่มเหลือง ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเล่มละ 50 บาท และรูปแบบเล็กทรอนิกส์ 50 บาท

ทั้งนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะออกประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการออกสมุดเล่มเหลืองต่อไป อย่างไรก็ตาม การนำไปใช้เดินทางในต่างประเทศยังต้องรอข้อตกลงระดับสากลก่อน

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือโควิด-19 และเฝ้าระวังแนวชายแดนไทย-เมียนมา จากสถานการณ์การเมืองในเมียนมา เข้มงวดบริเวณแนวชายแดน และจัดสถานกักกันตามชายแดนไว้รองรับเป็นการเฉพาะ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ