นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้การต้อนรับนาย OBA Yuichi อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ในประเทศไทย พร้อมหารือกับประเด็นแผนการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวต่างชาติในประเทศไทย มาตรการลดวันกักตัว และ Vaccine Passport
นาย OBA Yuichi ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ไทยเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน พร้อมให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาวจำนวนกว่า 80,000 คนที่สถานทูตต้องดูแล ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วัคซีนถือเป็นวิธีการป้องกันหนึ่งที่สำคัญ โดยสอบถามถึงแผนการฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย
ด้านนายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนวัคซีนที่ไทยมีจำกัดในช่วงแรกนี้ได้กระจายสู่กลุ่มและพื้นที่เสี่ยงใน 13 จังหวัด ทั้งนี้ ไม่ได้นิ่งนอนใจในประเด็นดังกล่าว แต่หากมีจำนวนวัคซีนที่มากพอในเดือนมิถุนายนนี้ จะมีการพิจารณาให้วัคซีนให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มรวมถึงชาวต่างชาติด้วย ปัจจุบันผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 แล้ว ทางโรงพยาบาลจะออกใบรับรองการฉีดวัคซีนให้
ด้านวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) ไทยมีแผนทำข้อตกลงทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ที่มีอุบัติการณ์ของโรคต่ำ และเริ่มให้วัคซีนแก่ประชาชนแล้ว โดยอาจเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมไม่เกิน 3 เดือนจากนี้
ทั้งนี้ ประเทศไทยกำลังพิจารณาการลดจำนวนวันกักตัวในผู้เดินทางเข้าประเทศไทยใน 3 กรณี คือ 1.คนต่างชาติมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทาง มีเอกสารรับรองปลอดโควิดใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และตรวจหาเชื้ออีกครั้งในประเทศไทยไม่พบเชื้อ ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาให้กักตัว 14 วัน 2.คนไทยเดินทางจากต่างประเทศมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือน ไม่มีเอกสารรับรองปลอดโควิด ผลการตรวจหาเชื้อในประเทศไทย 2 ครั้งไม่พบเชื้อ ให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน และ 3.คนต่างชาติไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด มีเพียงเอกสารรับรองปลอดโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เมษายน 2564 หลังจากได้รับการอนุมัติจาก ศบค.