รายงานข่าว แจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง เป็นการออกระเบียบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 44 แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่
สืบเนื่องจากกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดนำมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 ที่กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการคือวันที่ 9 มี.ค.2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์นั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้มีองค์คณะตุลาการทั้งสิ้น 7 คน เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดถอนตัวจากการพิจารณาตั้งแต่ต้นตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลปกครอง มาตรา 34 ประกอบมาตรา 32 (1) และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ที่ประชุมจึงเลือกนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่แทนประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 18 วรรคสี่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีโฮปเวลล์เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.2551 อนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้กระทรวงคมนาคม-รฟท.จ่ายค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาให้แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเงินจำนวน 11,888 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 13 มี.ค.2557 ศาลปกครองกลางเพิกถอนคำสั่งของอนุญาโตตุลาการ แต่หลังจากนั้นวันที่ 22 เม.ย.2562 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองกลางให้กระทรวงคมนาคม-รฟท.จ่ายค่าเสียหายให้ โฮปเวลล์ พร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ภายใน 180 วัน
ต่อมาวันที่ 23 ส.ค.2562 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ในคดีระหว่างกระทรวงคมนาคม และ รฟท. กับ โฮปเวลล์ เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไปแล้ว และวันที่ 22 ก.ค.2563 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีนี้ไว้พิจารณา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้มีคณะกรรมการที่ดูแลอยู่แล้ว ซึ่งต้องมีการพิจาณารายละเอียดของคำพิพากษาว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยสงวนงบประมาณของแผ่นดิน ถึงแม้คดีนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลตนเอง แต่จำเป็นต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามกฏหมาย พร้อมกับยืนยันจะแก้ปัญหาในทุกๆ เรื่องที่ยังค้างคาอยู่