รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเตือนสิ่งที่ต้องระวังมากๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้าว่า หนึ่ง "การจัดรดน้ำดำหัวตามประเพณี" ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำ รินน้ำ พรมน้ำ ให้ระวังเรื่องความใกล้ชิด การสัมผัส และระยะเวลาในการพบปะหรือมีปฏิสัมพันธ์กัน
โดยควรตระหนักถึงการระบาดภายในประเทศที่กระจายไปทั่ว จนไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า คนที่มาพบเจอกันนั้นไม่ว่าจะเด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ หรือคนสูงอายุ อาจติดเชื้ออยู่โดยไม่รู้ตัว และอาจแพร่ให้แก่คนอื่นที่มาเจอกันได้
รูปแบบที่จัดตามประเพณี โดยเน้นความปลอดภัยสูงสุด ทำอย่างไรให้มีการรดน้ำ รินน้ำ พรมน้ำที่ต่างจากแบบเดิม เน้นเรื่องไกลกัน ไม่สัมผัสกัน แต่ยังมีความอิ่มเอิบใจที่ได้เห็นกัน อวยพรกัน และส่งต่อไมตรีจิตและความเคารพนบนอบให้แก่กันได้
สอง "การเดินทางข้ามจังหวัด" เชื่อได้ว่าจะมีประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาทำงานในเมือง เดินทางกลับไปจังหวัดบ้านเกิด ผ่านการขนส่งสาธารณะ
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการติดเชื้ออย่างต่อเนื่องระบาดกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล การเดินทางในลักษณะข้างต้นนั้น ย่อมถือเป็นความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดการติดเชื้อแพร่เชื้อกันได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ทุกพื้นที่ทุกจังหวัด จึงควรเตรียมรับมือ จัดระบบตรวจตราตรวจสอบ ถามไถ่คนที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นเข้ามาในพื้นที่ หากมีใครไม่สบาย ควรรีบนำเข้าสู่กระบวนการตรวจรักษา ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มเดินทางไปจนถึงอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทาง ทั้งในจังหวัดต้นทางและจังหวัดปลายทาง (ขาไป-ขากลับ)
สาม "การท่องเที่ยว" ที่เห็นโปรโมทกันนั้น ต้องเตือนกันให้ดีว่าการเดินทางท่องเที่ยวขณะนี้นั้นมีความเสี่ยง
เราเห็นรายงานการติดเชื้อตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วว่ากระจายไปแทบทุกที่ หลายรายมีประวัติเดินทางท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย เดินทางไปหลากหลายทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด ตลาดนัด ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แหล่งท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ รวมถึงพักแรมตามโรงแรม
ดังนั้น หากรักจะไป ก็ให้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะได้รับ วางแผนให้ดี เตรียมอาวุธป้องกันให้พร้อม ใช้อาวุธให้ถูกต้องเคร่งครัด และคอยประเมินสถานะสุขภาพของตนเองและครอบครัวด้วยว่า ระหว่างเดินทางและหลังเดินทางนั้น มีอาการผิดปกติอะไรไหม หากมี ก็ให้รีบไปตรวจรักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้
"ทั้งสามเรื่องดังกล่าวนั้น ถือเป็นเชื้อไฟ ที่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือหลายเรื่องขึ้นมาพร้อมกัน การระบาดรุนแรงจะตามมาได้ในเวลาไม่นาน" รศ.นพ.ธีระ ระบุ