นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยหลังเข้าร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็ก ร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นการรายงานสรุปข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่พรุ่งนี้ (19 มี.ค.) จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กรมควบคุมโรค เตรียมพร้อมเรื่องวัคซีน เพื่อบริการให้กับประชาชน ซึ่งต้องมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยถือว่าไม่มีคำว่าขาดแคลนวัคซีน เพราะได้มีการสั่งซื้อวัคซีนของซิโนแวกมาในช่วงนี้ และอีกใน 2-3 เดือนข้างหน้า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยก็จะทยอยออกมาเดือนละ 10 ล้านโดส โดยกรมควบคุมโรค จะพยายามฉีดให้กับประชาชนในวงกว้างให้ได้มากที่สุด และร่วมมือกับเครือข่ายโรงพยาบาลทั่วประเทศด้วย
ส่วนกรณีที่เอกชนจะขอรับวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนเป็นทางเลือก นายอนุทิน กล่าวว่า สามารถดำเนินการได้ และกระทรวงสาธารณสุขได้ให้นโยบายกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรื่องการขึ้นทะเบียนวัคซีนให้เร็วที่สุด แต่ขณะนี้ ทุกบริษัทที่ผลิตวัคซีนต้องการขายให้กับรัฐบาล ไม่อยากขายให้กับเอกชนในเวลานี้ ซึ่งหากเอกชนสามารถเจรจาให้บริษัทขายให้ได้ ทางรัฐบาลก็ยินดีอยู่แล้ว และได้พยายามสื่อสารกับบริษัทยาให้ขายกับเอกชน เพราะรัฐบาลมีวัคซีนที่เพียงพอสำหรับประชาชนแล้ว
ส่วนมาตรการต่างๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ขอให้รอฟังผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมาตรการที่ออกมา จะมีการกำหนดโซนในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันตามความเหมาะสม และจะปรับให้จังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่โซนสีส้ม ส่วนการเดินทางข้ามจังหวัดนั้น คณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัดของแต่ละจังหวัดก็จะกำหนดหลักเกณฑ์เอาไว้
สำหรับการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่สีเขียวนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ในเวลานี้ไม่ได้ห้ามประชาชนเดินทางข้ามจังหวัด แต่ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน
"ตอนนี้ ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว วัคซีนพร้อมแล้ว ทุกคนจะได้รับวัคซีนหมด ซึ่งปีหน้าก็จะกลับมามีความสุขได้เหมือนเดิม จึงขอให้ร่วมมือกันเหมือนปีที่แล้ว และตั้งเป้าว่า ปีใหม่สถานการณ์โควิดจะต้องดีขึ้น เราจะก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไป เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมา" รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุขกล่าว
อย่างไรก็ดี หลังจากนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยที่เดินทางเข้ามาในประเทศ จะให้ลดการกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน และหากใครผ่านการฉีดวัคซีนมาแล้วจะเหลือแค่ 7 วัน และหลังจากฉีดวัคซีนครบ มีภูมิคุ้มกันโควิดก็อาจะลดจำนวนวันเหลือ 3-5 วัน หรืออาจไม่ต้องกักตัวเลย ซึ่งขึ้นอยู่กับการเก็บระบบข้อมูลของทางสาธารณสุข เว้นแต่ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิดที่มีเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งกรมควบคุมโรคจะมีการประกาศอีกครั้งว่ามีกลุ่มประเทศใดบ้าง