นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความต้องการในการเปิดประเทศซึ่งจำเป็นจะต้องมีความปลอดภัย โดยเฉพาะประชาชนภายในประเทศ ซึ่งการฉีดวัคซีนในระดับบุคคล คนนั้นจะมีความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เกิดภูมิคุ้มกันในระดับประเทศหรือระดับจังหวัดต้องมีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนประมาณ 60% ของประชากรในพื้นที่
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 ที่พิจารณานำมาใช้กับคนไทย ต้องเป็นวัคซีนที่ดี มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และเหมาะสมกับคนไทย ขณะนี้มีการจัดหาวัคซีนโควิด-19 แล้วรวมกว่า 73 ล้านโดส ประกอบด้วย ซิโนแวก 2 ล้านโดส อยู่ระหว่างเจรจาจัดซื้ออีก 5 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส และจะได้รับจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย จำกัด อีก 5 ล้านโดส จึงมั่นใจว่ามีปริมาณวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคนในประเทศที่จำเป็นต้องได้รับการฉีด
ขณะนี้กระทรวงฯ ได้จัดสรรและกระจายวัคซีนโควิด-19 ไปยังพื้นที่เป้าหมาย เพื่อฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมายตามแผนที่วางไว้แล้ว ซึ่งจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับวัคซีนสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย อย่างเช่น จ.สมุทรสาคร ซึ่งได้รับวัคซีนจำนวนมากเป็นจังหวัดแรกๆ เนื่องจากเป็นต้นทางการระบาดในระลอกใหม่ก็ได้ฉีดครบในเข็มที่ 1 ขอให้มารับวัคซีนเข็มที่สองตามนัด เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
"เราจึงต้องขอความร่วมมือของประชาชนต่อในเรื่องของวัคซีนโควิด-19 ซึ่งการระบาดระลอกแรกใช้มาตรการอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ ครั้งนี้จึงขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันฉีดวัคซีนเพื่อชาติอีกครั้ง ถ้าเราฉีดวัคซีนได้ถึง 50-60% ของประชากรก็จะสามารถเปิดประเทศได้อย่างปลอดภัย การทำธุรกิจ การท่องเที่ยวก็เดินหน้าได้ ประเทศไทยก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว