พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ ได้มีการพิจารณาความเสี่ยงสถานะทางการเงิน ซึ่งเป็นการพิจารณาตามหลักการ โดยนำความเสี่ยงที่น่าจะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 สงครามการค้าที่มีความขัดแย้ง ซึ่งปักหมุดไว้ว่าในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 มีเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ เศรษฐกิจมูลค่าสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
"วันนี้เราก็มีทั้งอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบริการดิจิทัล ประตูการค้าการลงทุน และโลจิสติกส์ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา การท่องเที่ยวที่เน้นคุณค่า เกษตรแปรรูปมูลค่าสูง อีกด้านคือวิถีชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน สังคมคาร์บอนต่ำ ลด PM2.5 ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราต้องจัดภาคการผลิตและการบริโภคที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไปสู่วิถีชีวิตที่มีความปลอดภัยและยั่งยืน" นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมระบุว่า ยังมีเรื่องของโอกาสที่ยังกระจุกตัวอยู่ ดังนั้นต้องกระจายโอกาสไปสู่ทุกกลุ่มคนและทุกพื้นที่ เช่น ในรื่องเอสเอ็มอี วิสาหิจชุมชน วิสาหกิจสังคม ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พื้นที่และเมืองน่าอยู่ ความยากจนลดลง ความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอและเหมาะสม
ด้านการสนับสนุนการพลิกโฉมประเทศ คือ การสร้างทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ จากภาคการศึกษาผลิตคนให้ตรงตามความต้องการของประเทศ ภาครัฐต้องเข้มแข็งปรับไปสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หรือใช้โครงสร้างเหล่านี้มาดำเนินการลดคน เพื่อให้บริการได้อย่างรวดเร็วขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี
"ในส่วนตรงนี้ ต้องแก้ปัญหากำลังคนที่มีทักษะต่ำของเรา และภาครัฐที่ล้าสมัย เข้าไปสู่กำลังคนและสมรรถนะสูง หลายอย่างต้องปฎิรูปไปด้วยกันทั้งหมด ทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม กฎหมาย" นายกรัฐมนตรีกล่าว