อีกทั้งปีนี้ยังพบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด โดยเฉพาะสายพันธุ์อังกฤษที่หนุนให้เกิดการแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดาอีก 1.7 เท่า โดยจากการตรวจพบว่าคลัสเตอร์สถานบันเทิงมีผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์อังกฤษถึง 24 คน ดังนั้นโดยรวมแล้ว อาจจะทำให้สถานการณ์การระบาดในปีนี้มีมากกว่าปีก่อนถึง 170 เท่า
นพ.ยง กล่าวว่า จึงเป็นสิ่งที่ทำให้มีความกังวลต่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ค่อนข้างมาก เพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่หากอยู่ในตัวของคนหนุ่มสาว ซึ่งร่างกายแข็งแรงและไม่แสดงอาการ อาจจะไปแพร่เชื้อต่อให้กับผู้สูงอายุจากโอกาสในช่วงของการรดน้ำขอพรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ เพราะผู้สูงอายุหากได้รับเชื้อนี้ จะมีความรุนแรงของโรคมากกว่า และมีโอกาสจะเสียชีวิตได้สูงตามอายุที่มากขึ้น
"ปีนี้มีความน่าเป็นห่วงมาก เพราะการเคลื่อนย้ายประชากร ก็เท่ากับเป็นการเคลื่อนย้ายโรคไปได้ไกลขึ้น ขนาดสายพันธุ์อังกฤษยังหลุดเข้ามาได้ในเมื่อเราบล็อกแล้ว...อยากให้ช่วยสื่อออกไปว่า ในเมื่อสงกรานต์ปีนี้ไม่สามารถล็อกได้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ใครไม่มีความจำเป็น ต้องลดการเคลื่อนย้ายให้น้อยลง แต่ถ้าจำเป็นต้องไป ต้องมีมาตรการเคร่งครัด ตั้งแต่เริ่มออกจากบ้านจนถึงจุดหมายปลายทาง ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายช่วยกันจะช่วยควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นพ.ยงกล่าว
พร้อมระบุว่า ไวรัสกลายพันธุ์ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อาฟริกาใต้ และสายพันธุ์บราซิลนี้ ไม่ได้มีผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของวัคซีนด้อยลง โดยวัคซีนยังมีประสิทธิภาพเท่าเดิม ความรุนแรงของโรคยังเท่าเดิม เพียงแต่จะทำให้การแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น การฉีดวัคซีนทุกชนิดมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่โอกาสที่จะเกิดลิ่มเลือดอุดดันจากเหตุสัมพันธ์กับวัคซีนมีอัตราการเกิดขึ้นได้เพียง 1 คน ต่อการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 1 แสน - 1 ล้านโดสเท่านั้น ซึ่งหากเปรียบเทียบผลดีของการฉีดวัคซีนในการช่วยป้องกันโรคแล้วจะมีประโยชน์มาก
"หากเปรียบเทียบความเสี่ยงของการฉีดวัคซีน กับการเดินข้ามถนนจาก รพ.จุฬาฯ ไปสีลม บอกได้เลยว่าความเสี่ยงของการข้ามถนนไปสีลมอาจจะมีมากกว่าการฉีดวัคซีน การข้ามถนนแสนครั้ง โอกาสจะเกิดอุบัติเหตุมีง่ายกว่ามาก ดังนั้นเมื่อชีวิตต้องดำเนิน เมื่อมีความเสี่ยง แต่ประโยชน์ที่จะข้ามไปมีมากกว่า ซึ่งปัจจุบันความเสี่ยงในการข้ามถนนแทบจะไม่มีเลย เพราะมีสะพานลอยแล้ว การฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลเปรียบเหมือนการขึ้นสะพานลอย ที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ ขอให้สบายใจได้ในเรื่องอาการข้างเคียงที่จะเกิดจากการรับวัคซีน" นพ.ยงกล่าว
พร้อมระบุว่า อยากเห็นประชากรไทยรับวัคซีนได้เร็วที่สุด ซึ่งหากไทยสามารถฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้นเป็นวันละ 3 แสนโดส ก็จะทำให้ประชากรไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ภายในเวลาเพียง 1 ปี เพื่อยุติวิกฤติโควิดนี้ลงไปได้ ดังนั้นทุกคนอย่ารีรอ เมื่อถึงกำหนดได้รับวัคซีนให้รีบไปฉีดเพื่อป้องกันตัวเอง
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิดในประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากผู้ที่ไปใช้บริการในสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะที่ไม่มีมาตรการป้องกันโรคที่ดีเพียงพอ โดยเฉพาะสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งทำให้พบผู้ติดเชื้อกระจายไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ นักร้องนักดนตรี ที่จะไปสถานบันเทิงหลายแห่งต่อคืน ขณะที่สถานบันเทิงเอง ขาดความรับผิดชอบในการตรวจสอบและจัดการติดตามคัดกรองผู้ใช้บริการ ดังนั้นจึงทำให้ในปัจจุบันต้องมีมาตรการปิดสถานที่ต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการระบาดในวงกว้าง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีโอกาสรวมกลุ่มคนจำนวนมากในหลายพื้นที่ ยกเว้นเฉพาะร้านอาหารที่งดให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
นพ.โอภาส ยังได้นำเสนอแบบจำลองสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ในช่วงสงกรานต์ ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับปีก่อน ที่การระบาดจะเริ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค. จนถึงเม.ย. และในช่วงสงกรานต์จะมีกิจกรรม การเดินทาง พบปะผู้คนซึ่งมากกว่าช่วงปกติตั้งแต่ 2-8 เท่า การกระจายตัวของเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์จะแพร่เชื้อได้เร็วกว่าปกติ 1.7 เท่า
"ดังนั้น ถ้าการระบาดกว้างขวาง ไม่มีการควบคุม มีโอกาสจะพบผู้ติดเชื้อได้วันละเป็นพันคน แต่หากไม่มีการควบคุม หยุดยั้ง ไม่พยายามทำให้กิจกรรมลดลง ผู้ติดเชื้ออาจจะเพิ่มเป็นวันละหลายพันคน หรือหลักหมื่นคนได้ ช่วงสงกรานต์จึงเป็นอีกจุดที่มีความสำคัญมากว่าเราจะหยุดยั้งการกระจายเชื้อในระลอกนี้ได้หรือไม่ อย่างไร" นพ.โอภาสระบุ