นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ผลสรุปการดำเนินโครงการ Regulatory Guillotine ในไตรมาส 1/64 ก.ล.ต.ได้ดำเนินการโครงการดังกล่าวสำเร็จตามเป้าหมายเพิ่มอีก 6 โครงการย่อย จากสิ้นปี 63 ทำให้นับตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงสิ้นไตรมาส 1/64 มีโครงการที่สำเร็จตามเป้าหมายรวม 21 โครงการย่อย โดยช่วยลดภาระและต้นทุนการดำเนินการของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้แล้ว 192.36 ล้านบาทต่อปี ลดระยะเวลาดำเนินการได้ 72,955 ชั่วโมงต่อปี และลดจำนวนกระดาษได้ 1,648,770 แผ่นต่อปี
นอกจากนี้ ยังเพิ่มโครงการที่จะดำเนินการเพิ่มอีก 5 โครงการย่อย จาก 83 โครงการย่อยเมื่อสิ้นปี 63 ทำให้ ในปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินการทั้งสิ้น 88 โครงการย่อย ซึ่งจากการประเมินในเบื้องต้นคาดว่า หากแล้วเสร็จครบทั้ง 88 โครงการ จะช่วยลดภาระและต้นทุนการดำเนินการของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ 230.60 ล้านบาทต่อปี ลดระยะเวลาดำเนินการได้ 136,884 ชั่วโมงต่อปี และลดจำนวนกระดาษได้ 2,030,311 แผ่นต่อปี
ทั้งนี้ 6 โครงการย่อยที่ดำเนินการสำเร็จเพิ่มจากสิ้นปี 63 ประกอบด้วย โครงการด้านธุรกิจตัวกลางและตลาด 1 โครงการ, ด้านธุรกิจจัดการลงทุน 1 โครงการ, ด้านการระดมทุน 3 โครงการ, ด้านการกำกับการสอบบัญชีและรายงานทางการเงิน 1 โครงการ ได้แก่
1.ผ่อนคลายเกณฑ์การยื่นคำขอความเห็นชอบ และรักษาสถานภาพการเป็นผู้สอบบัญชีในตลาดทุน
2.ปรับปรุงเกณฑ์ให้ผู้เสนอขายหลักทรัพย์สามารถยื่นคำขออนุญาตและแบบ filing พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานต่อก.ล.ต. ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งเพิ่มทางเลือกให้กรรมการใช้ digital signature ในการรับรองความถูกต้องของข้อมูลในแบบ filing ได้
3.ยกเลิกเกณฑ์เกี่ยวกับการออกและเสนอขายตราสารทุน ที่ไม่ใช้งานแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจนและป้องกันความสับสนของประชาชน
4.ปรับปรุงเกณฑ์การให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นนายหน้าระหว่างผู้ค้าหลักทรัพย์ การให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ กิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการจัดการเงิร่วมลงทุนให้เป็นปัจจุบัน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน และใช้งานง่าย
5.ยกเลิกเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 3) การยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) และการยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) เพื่อให้เกิดความชัดเจนและป้องกันความสับสนของประชาชน
6.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดการกองทุนรวม ให้เป็นปัจจุบัน มีความยืดหยุ่น และเข้าใจได้ง่าย