ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ในประเทศไทยการระบาดรอบใหม่หรือจะเรียกว่าระลอก 3 ก็ได้ เริ่มจากสถานบันเทิง และกระจายไปทั่วประเทศไทย จากการตรวจวินิจฉัยที่ศูนย์ที่ทำอยู่ขณะนี้มากกว่า 300 ราย พบการระบาดครั้งนี้ 98% เป็นสายพันธุ์อังกฤษ เหลือเพียงไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมหรือที่ได้รับมาจากพม่าที่สมุทรสาคร
สายพันธุ์นี้ติดต่อได้ง่ายกว่าเดิม จึงได้แพร่กระจายไปมากมายอย่างที่คิดไว้แล้วตอนต้น ไม่ได้เกินความคาดหมาย ดังนั้นการจะยับยั้งการกลายพันธุ์ต่อไป จะต้องหยุดการระบาดของไวรัสนี้ให้เร็วที่สุด ซึ่งสามารถทำได้ด้วยระเบียบวินัย การปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ที่ทุกคนรู้ และการให้วัคซีนอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้มีภูมิต้านทานในการป้องกันการติดเชื้อให้มากที่สุด
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า สายพันธุ์ที่เริ่มต้นจากประเทศจีนเป็นสายพันธุ์ S และ L สายพันธุ์ S มาระบาดในประเทศไทย ในระยะรอบแรก สายพันธุ์ L ไปบุกยุโรป แล้ววิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์ V และ G
สายพันธุ์ G แพร่ระบาดได้ง่ายกว่าจึงกระจายไปทั่วโลกมาแทนที่สายพันธุ์เกือบทั้งหมด ติดง่ายกว่า
สายพันธุ์ G วิวัฒนาการต่อไป เป็น GH และ GR
สายพันธุ์ G จึงมาระบาดในประเทศไทยที่สมุทรสาครด้วยเช่นเดียวกัน (GH)
การระบาดในยุโรปเป็นสายพันธุ์ GR เป็นส่วนใหญ่ และก็วิวัฒนาการต่อไป เป็นสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 หรือเรียกว่าสายพันธุ์ GRY ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนในตำแหน่งที่ 501 (N501Y) หรือเปลี่ยนจาก asparagine ไปเป็น tyrosine ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะเกาะกับเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจของมนุษย์ ได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถติดต่อได้ง่ายและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เมื่อติดต่อได้ง่ายและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สายพันธุ์นี้จึงระบาดอย่างกว้างขวางโดยเริ่มจากอังกฤษเข้าสู่ยุโรปและอเมริกา เข้าสู่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะมากขึ้น และเข้าสู่กัมพูชามาสู่ประเทศไทย และในอนาคต สายพันธุ์นี้จะครองโลก จนกว่าจะมีสายพันธุ์ที่แพร่กระจายง่ายกว่านี้อีกก็จะมาแทนที่ต่อไป
"ไวรัสนี้คงอยู่กับเราอีกนาน หรือตลอดไป เราจะต้องปรับตัวให้ได้ และหาวิธีในการป้องกันให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความรุนแรงของโรคนี้ลงให้ได้"