พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุถึงความจำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิว เพื่อควบคุมหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นหรือไม่ว่า ขอประเมินสถานการณ์ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ก่อน ถ้าสามารถควบคุมได้ก็ไม่จำเป็นต้องยกระดับมาตรการ
"ก็ดูตัวเลข 2 อาทิตย์นี้ ถ้าคอนโทรลได้ ตัวเลขมันดีขึ้น ก็ไม่ต้องไปสั่งแบบนั้น ใครจะอยากทำ พอสั่งมา ระยะแรกมันก็ดี แต่ตอนนี้มันสมควรหรือยัง...รัฐบาลเต็มที่แล้ว แต่จะมีเต็มที่มากกว่านี้อีก มาตราการถ้าคุมไม่อยู่ มันต้องแรงขึ้นๆ ซึ่งเราทุกคนไม่อยากไปถึงจุดนั้น ก็อยากให้เข้าใจตรงกัน เพราะผมก็เห็นใจคนที่มีรายได้น้อย เศรษฐกิจฐานรากก็เดือดร้อน SMEs ก็มีปัญหา รัฐบาลจะเตรียมมาตรการด้านเศรษฐกิจในระยะต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ขอเวลาสักนิดหนึ่ง เพราะต้องเตรียมงบประมาณ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลยังมีความพร้อมในการดูแลการแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดูรุนแรงขึ้น โดยขอติดตามอีกสักระยะ ซึ่งหากสามารถควบคุมได้ ก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่วางไว้ เช่น การฉีดวัคซีน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า แผนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไม่ได้ล่าช้าจนเกินไป เพราะวัคซีนนำเข้ามาเป็นระยะ และล่าสุดเข้ามาอีก 2 ล้านโดส ก็จะมีการกระจายไปตามพื้นที่ความเสี่ยงและจังหวัดสำคัญๆ ส่วนการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม รัฐบาลก็เปิดให้มีการนำเข้าเสรีได้ แต่ต้องผ่านกติกา เพราะเป็นวัคซีนที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลผลกระทบและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น โดยย้ำว่ารัฐบาลจะดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้รายงานความคืบหน้าจำนวนผู้ติดเชื้อ การฉีดวัคซีน และแผนการทำงานมาให้รับทราบในทุกวัน ซึ่งการทำงานอาจไม่สมบูรณ์ 100% แต่หากทำได้ 80-90% ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนกรณีบุคลากรทางแพทย์ที่แพ้วัคซีนซิโนแวกนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องดูแลรักษาทางการแพทย์ ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจ
นายกรัฐมนตรี ย้ำแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ว่า มีการเตรียมการไว้ในรูปแบบภูเก็ตโมเดล แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่จัดหาได้ แต่ยืนยันว่า มีความตั้งใจที่จะเปิดการท่องเที่ยวให้ได้ แต่ต้องทำให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย
ส่วนมีกระแสข่าวออกมาระบุว่าต้นตอของการแพร่เชื้อคลัสเตอร์ที่ทองหล่อ มาจากไฮโซ 6 คน จะมีการตรวจสอบอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมโรงพยาบาลสนาม เอราวัณ 2 ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ในวันนี้ว่า การทำงานในขณะนี้ขอให้ทุกคนประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนกำหนดการทำงานล่วงหน้า รองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดในอนาคต พร้อมกำชับให้ประสานงานในส่วนของโรงพยาบาลสนาม กับโรงพยาบาลอื่นๆ ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อ มีอาการป่วย หรือ จัดเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลืองให้มีความชัดเจนรวดเร็ว และมีความปลอดภัย ตามมาตรการป้องกันโควิด-19
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พอใจภาพรวมการลงพื้นที่ตรวจโรงพยาบาลสนามในครั้งนี้ รวมถึงการเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนามในพื้นที่อื่นๆด้วย ที่จะรองรับผู้ติดเชื้อได้ไม่น้อยว่า 3 พันเตียง พร้อมย้ำให้ทุกคนเข้าใจว่าผู้ติดเชื้อแบ่งออกเป็น 3ระดับ คือ แดง เหลือง เขียว โดยกลุ่มผู้ติดเชื้อสีเขียวคือ ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการรุนแรงจะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนาม โดยขอให้อดทนระหว่างการกักตัว 14 วัน ส่วนผู้ติดเชื้อในกลุ่มสีแดง และเหลือง 500 คนในพื้นที่ กทม. จะต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ดังนั้นรัฐจึงประสานกับโรงแรมที่จะตั้งเป็น Hospitel ร่วมมือรัฐบาล โดยจะมีการดูแลเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี ตั้งคำถามไปยัง รมว.สาธารณสุข และคณะแพทย์ว่า หมายเลขสายด่วน 1669 สามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ เพราะตนได้ให้คนลองโทรเข้าไป แต่ปรากฎว่าไม่มีคนรับสาย จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข รับไปดูแลเรื่องนี้โดยเร่งด่วน ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธจะตอบคำถาม กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมจะประสานประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อติดต่อขอซื้อวัคซีนให้กับประเทศไทย โดยกล่าวว่า อย่านำคำถามของคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมาถามตนเอง เพราะตนเองไม่รู้จัก