เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า สำนัก งาน อย.พร้อมออกใบอนุญาตให้ทุกภาคส่วนที่ต้องการดำเนินกิจการเกี่ยวกับกัญชง-กัญชาทุกประเภท ตั้งต้นน้ำตลอดไปจนถึงปลายน้ำ เป็น การปฎิบัติตามหลักข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ตั้งแต่การนำเข้าเมล็ดพันธุ์, การเพาะปลูก, การนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์, การนำไปใช้งานใน ครัวเรือน, การสกัดน้ำมัน, การผลิตเส้นใย ตลอดจนการส่งออก
สำนักงาน อย.มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่ต้องการสนับสนุนพืชกัญชง-กัญชาของไทย ให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สร้างรายได้ เข้าประเทศ
"การขอใบอนุญาตแต่ละฉบับ ในส่วนกลางสามารถขอใบอนุญาตได้ที่ อย. ส่วนต่างจังหวัดให้ติดต่อสาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ แม้ ว่าที่ผ่านมาจะมีกระแสความล่าช้า แต่ไม่ใช่ว่า อย.จะกีดกัน แต่กฎหมายเขียนไว้อย่างนั้น การพิจารณาอนุญาตทุกเรื่องจึงต้องให้เกิดความ รัดกุม หากไม่มีใบอนุญาตก็ยังต้องมีโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด" เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าว
สำหรับช่วงเวลาการออกใบอนุญาตแต่ละฉบับนั้น ที่ผ่านมาสำนักงาน อย. ออกใบอนุญาตการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงเพื่อมา เพาะปลูกแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็มีผู้สนใจขออนุญาตปลูกกัญชงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนที่มีสภาพอากาศ เหมาะสม ซึ่งสำนักงาน อย. ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบพื้นที่เพื่อเสนอให้คณะกรรมการจังหวัดฯพิจารณา ก่อนจะนำเสนอคณะอนุกรรมการ ออกใบอนุญาต คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ และจะได้เห็นผลผลิตล็อตแรกในช่วงปลายปีนี้
นับว่าสอดคล้องกับการออกใบอนุญาตการตั้งโรงงานสกัด ผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาขอใบอนุญาต แต่ต้องคำนึงถึงความ สำคัญของการก่อสร้างโรงสกัดที่มีมาตราฐานระดับสากล ซึ่งหากโรงสกัดได้รับมาตรฐานตามหลักเกณฑ์แล้ว สำนักงาน อย.ก็พร้อมจะออกใบ อนุญาตได้ทันที และจากการสำรวจความพร้อมของผู้ประกอบการที่ยื่นขอใบอนุญาตเรื่องโรงสกัด เบื้องต้นคาดหวังว่าจะเห็นการผลิตออกเป็น ผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาส 4/64
"วันนี้ที่กฎหมายออกมาใช้แล้ว คือการนำโปรตีนจากเมล็ดกัญชงและน้ำมันจากเมล็ดกัญชงนำมาเป็นส่วนผสมของอาหาร และ การนำสารสกัดและน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมาเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องสำอางค์ และภายในเดือน เม.ย.นี้ จะมีการอนุมัติการนำสาร CBD และใบ กิ่ง ก้าน รากของกัญชามาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์ที่สามารถล้างออกได้ รวมถึงนำมาเป็นส่วนผสมในอาหารก็จะอนุมัติใน เดือน เม.ย.นี้เช่นกัน ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมุนไพรก็สามารถมาขอใบอนุญาตได้ที่กองสมุนไพรผลิตภัณฑ์ อย.ได้เลย" เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าว
รองเลขาธิการ อย.กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกระแสการเปิดเสรีการใช้ "กัญชง-กัญชา" ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวของธุรกิจที่เกี่ยว ข้องอย่างหลากหลาย เช่น การก่อสร้างโรงเรือน การผลิตปุ๋ย การผลิตถุงเพาะชำ มองเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่จะก้าวไปเป็นผู้ ผลิตระดับแถวหน้า เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกเพิ่มมากขึ้น
ด้านหลักเกณฑ์ของการประกอบกิจการภายใต้ใบอนุญาตประเภทต่างๆ นั้น ตามกฎหมายห้ามซื้อขายใบอนุญาตทุกประเภทและไม่ สามารถจะโอนย้ายไปให้ผู้อื่นได้ โดยกฎหมายกำหนดอายุใบอนุญาตเป็นแบบปีต่อปี และหมดอายุภายในวันที่ 31 ธ.ค.ของทุกๆ ปี ซึ่งบุคคล ทั่วไปไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หากเป็นนิติบุคคลจะคิดค่าธรรมเนียมแบบขั้นบันไดตามขนาดกิจการ เช่น จำนวนพื้นที่เพาะปลูก เป็นต้น
"การออกกฎหมาย จะอิงหลักวิชาการและหลักสากล เมื่อปี 62 เป็นการอนุญาตให้นำกัญชามาใช้เพื่อการวิจัย ปี 63 อนุญาต เพื่อเศรษฐกิจ อย.ส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้กับเกษตรกรอย่างแท้จริงต่อไปในอนาคต" เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าว
https://youtu.be/Wj2o2bFHuLk