ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติด เชื้อรายใหม่ 1,871 ราย ประกอบด้วย
- ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,830 ราย
- จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 34 ราย
- ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศผ่านการคัดกรองและเข้าสถานกักกัน 7 ราย จากประเทศอินเดีย 2 ราย มาเลเซีย 2
ส่วนความกังวลที่ยังอนุญาตให้คนอินเดียเข้ามายังไทยนั้น นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ชี้แจงว่า เป็นการขอ COE ที่ขอ อนุญาตไว้แล้ว จึงต้องให้สิทธิในการเดินทางเข้ามา แต่ทางกระทรวงต่างประเทศ ยืนยันว่า จะไม่มีเครื่องบินเช่าเหมาลำเข้ามาไทยแน่ นอนตั้งแต่ 1 พ.ค. นี้
- มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 10 ราย เป็นเพศชาย 8 เพศหญิง 2 ราย จากกรุงเทพฯ 6 ราย นครสวรรค์ สมุทรปราการ ยโสธร
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 63,570 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 38,392 ราย ตรวจคัดกรองเชิงรุก 21,874 ราย ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 3,304 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 35,394 ราย เพิ่มขึ้น 992 ราย กำลังรับการรักษา 27,988 ราย อาการหนัก 786 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 188 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้พบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เป็นครึ่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งที่ ประชุม EOC สธ. มีความเห็นว่า ต้องมีการควบคุมการแพร่ระบาดในกทม.และปริมณฑลให้ได้ และขอความร่วมมือจากประชาชนในการ WFH 100% เนื่องจากสาเหตุที่ติดเชื้อมาจากคนทำงานทียังมีการเดินทางไปมาและยังมีการนั่งดื่มกัน และพบว่า ร้านอาหารกลายเป็นแหล่ง ติดเชื้อด้วย
"ในรอบนี้ถ้าเราจัดการปัญหาในกทม.ได้ เหมือนจัดการได้ทั้งประเทศ...ตอนนี้ยุทธศาสตร์จัดการอยู่ที่กทม.และปริมณฑล เพราะเป็นการติดเชื้อจากวัยทำงาน ขอความร่วมมือในการ Work from Home ให้มากที่สุด นี้คือสิ่งที่จะช่วยได้ในตอนนี้"นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษก ศบค. ระบุว่า ในช่วงสงกรานต์มีการนั่งดื่ม กินอาหารในครอบครัว ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น จึงฝากไว้เป็นบทเรียน ว่า ยังจำเป็นต้องรักษาระยะห่าง การดื่ม กิน นั่งร่วมวง ยังมีความเสี่ยงทั้งสิ้น และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังเป็นวัยทำงาน อายุเฉลี่ย 20-39 ปี และมีการแสดงอาการออกมา 175 คน จาก 294 คน ซึ่งมาจากปัจจัยเสี่บง จากการไปทานที่ร้านชาบู ร้านหมูกระทะ และร้านอาหาร กึ่งผับ
"ตอนนี้ WFH เป็นอันดับที่ 1 เพื่อให้คนทำงานอยู่ที่บ้าน และไม่ต้องพบปะสังสรรค์กัน ตอนนี้ต้อง take home ซื้อเสร็จกลับไป ทานที่บ้าน"
โดย 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดของวันนี้
อันดับ จังหวัด รายวัน ยอดสะสม 29 เม.ย. (1-29 เม.ย.) 1 กรุงเทพฯ 689 11,588 2 สมุทรปราการ 151 1,581 3 ชลบุรี 112 2,263 4 เชียงใหม่ 89 3,436 5 ปทุมธานี 81 742 6 สงขลา 46 609 7 สุราษฏร์ธานี 46 619 8 สมุทรสาคร 39 868 9 ขอนแก่น 32 316 10 นครปฐม 30 488
สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของประเทศไทย (ตั้งแต่ 28 ก.พ. ? 28 เม.ย.64) รวม 1,344,646 โด ส ประกอบด้วย ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก 1,059,721 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 (ครบตามเกณฑ์) 284,925 ราย
นพ.ทวีศิลป์ ได้เน้นย้ำข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องขอความร่วมมือประชาชนงดออกจากเคหสถาน ใน 12 จังหวัด ซึ่งไม่ใช่เป็นการประกาศเคอร์ฟิวส์ เพราะหากเป็นการประกาศเคอร์ฟิวส์ ต้องเป็นคำสั่งจากทางศบค. ส่วนจังหวัดที่มีบทลงโทษ กรณี ประชาชนไม่สวมใส่หน้าอนามัย เมื่อออกนอกเคหสถาน รวมแล้ว 73 จังหวัด แต่ยังสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่ต้องปฏิบัติตามข้อ กำหนดของแต่ละจังหวัดด้วย
ส่วนกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามข้อกำหนดในมาตรการ 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 งดเดินทางเพื่อรายงานตัวเข้ารับราชการของทหารกองประจำการ และการฝึกทหารใหม่จากวันที่ 1 และ 3 พฤษภาคม2564 ไปเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งการออกคำสั่งนี้เป็นผลจากการโอนอำนาจกฏหมาย 31 ฉบับให้นายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งการแก้ปัญหาโควิด และถือว่า เป็นการออกคำสั่งได้กระชับแล้วเร็วขึ้น ส่วนผู้ที่ลาออกจากงานเพื่อเตรียมตัวเข้ารับการเกณฑ์ ทหาร ทางกระทรวงแรงงานจะชดเชยให้กรณีว่างงานตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบมติการเลื่อนเปิดภาคเรียนของนักเรียน เป็นวันที่ 1 มิ.ย.นี้ และทางกระทรวง ศึกษาธิการได้ขอให้มีการฉีดวัคซีนให้กับบุคลการครูด้วย ซึ่งที่ประชุมศบค.ยืนยันว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งวัคซีน จะมาในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดวันนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมแล้ว 150,216,590 ราย เสีย ชีวิต 3,163,873 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 32,983,695 ราย อันดับสอง อินเดีย 18,368,096 ราย อันดับสาม บราซิล 14,523,807 ราย อันดับสี่ ฝรั่งเศส 5,565,852 ราย และอันดับห้า รัสเซีย 4,787,273 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 104