ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 5 หมื่นคนในเขตปทุมวัน-คลองเตยหลังตรวจไม่ติดเชื้อ

ข่าวทั่วไป Tuesday May 4, 2021 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานข่าว แจ้งว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชน โดยรถพระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พร้อมมอบเจลแอลแอลกอฮอล์ให้แก่ประชาชนที่มารอรับบริการ โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ ณ บริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ และตลาดคลองเตย เขตคลองเตย

โดยสำนักงานเขตปทุมวัน ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 16 ลุมพินี กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดหน่วยเคลื่อนที่ทำการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากกลุ่มเสี่ยงที่ภายในชุมชนบ่อนไก่ โดยรถพระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย จำนวน 3 คัน เพื่อใช้ในงานเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง บริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวันชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ เขตปทุมวัน ทำการตรวจกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสสัมผัสสูงภายในชุมชนพื้นที่เขตปทุมวัน ในวันนี้จำนวนประมาณ 1,000 คน เพื่อเร่งควบคุมโรค โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เขตปทุมวัน อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาตรวจคัดกรอง

จากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ ได้ไปตรวจเยี่ยมการให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ณ บริเวณลานจอดรถตลาดคลองเตย โดยสำนักงานเขตคลองเตย ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นำรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 2 คัน เพื่อใช้ในงานเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง ส่งตรวจหาเชื้อ ด้วยวิธีการ SWAB จำนวนผู้รับการตรวจประมาณ 600 คน โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เขตคลองเตย อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาตรวจคัดกรอง

ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า กทม.ร่วมกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ลงพื้นที่ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด19เชิงรุก ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเป็นห่วงในสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนพื้นที่คลองเตยและปทุมวัน จากการลงพื้นที่วันนี้จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่จัดระบบการรอรับบริการให้เหมาะสม โดยให้นัดประชาชนมารอรับบริการตามช่วงเวลาเพื่อลดระยะเวลาการรอคอยและไม่ให้เกิดความแออัดในการใช้บริการ รวมทั้งให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่าหากติดเชื้อ กทม.พร้อมจะนำส่งเข้าสู่ระบบการรักษาซึ่งมีอยู่หลายแห่งแบ่งการรักษาตามระดับอาการของผู้ป่วย พร้อมมอบยาฟาวิพิราเวียร์ให้แก่ผู้ป่วยตามระดับอาการที่แพทย์ประเมิน ซึ่ง กทม.ได้ดำเนินการจัดซื้อยาดังกล่าวเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

โดยการ Swab ในครั้งนี้เขตปทุมวันสามารถให้บริการได้วันละ 1,000 คน ในส่วนของคลองเตยได้กำชับให้เขตเพิ่มจุดให้บริการตรวจให้ได้อีก 4 จุด สามารถตรวจได้วันละ 1,000 คน รวม 4,000 คน สำหรับผลการตรวจจะแจ้งให้ผู้รับการตรวจทราบภายใน 24 ชม. โดยผู้ที่มีผลการตรวจเป็น Negative หรือไม่ติดเชื้อ ขอให้ไปรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกคน ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานเขตเพิ่มจุดบริการวัคซีนให้ทั่วถึง โดย กทม.ตั้งเป้าจะฉีดให้ครอบคลุมประชาชนในพื้นที่ 50,000 คน คิดเป็น 70% ของประชาชนในพื้นที่

สำหรับประชาชนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและต่ำได้เร่งประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติตนให้ทราบโดยทั่วถึง โดยกรณีที่จัดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง คือ อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยภายในระยะ 1 เมตรโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย นาน 5 นาทีขึ้นไป อยู่ในสถานที่ปิดอับอากาศหรือห้องแอร์กับผู้ป่วยเกิน 15 นาที สัมผัสกับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยโดยตรงโดยไม่ได้ป้องกัน เช่น ถูกไอหรือจามรด จับทิชชู่ หรือขยะปนเปื้อนจากผู้ป่วย หรือเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยหรือผู้ที่อยู่ในบ้านเดียวกับผู้ป่วยในขณะที่มีอาการป่วย ให้กักตัวทันที และเข้ารับการตรวจโควิด-19 ณ ศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาล หรือหน่วยบริการตรวจเชิงรุกใกล้บ้าน ระหว่างรอผลตรวจให้กักตัว หรือหากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ มีไข้หรือหายใจลำบากให้รีบติดต่อศูนย์บริการสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน และหากผลยืนยันติดเชื้อและยังไม่ได้รับการนำส่งเข้าสู่ระบบการรักษาสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์เอราวัณ 1669 หรือไลน์แอด bkkcovid19connect เพื่อประสานเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบการรักษาอย่างเร่งด่วนต่อไป สำหรับกรณีอื่นๆที่นอกเหนือจากกรณีของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ถือว่าเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้ปฏิบัติตนตามแนวทาง New Normal และสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติให้รีบติดต่อศูนย์บริการสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ค.64) เวลา 10.30 น. กทม.มีกำหนดประชุมแนวทางการให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสถาบัน เช่น แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้แทนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วยคณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาร่วมหารือเพื่อหาข้อสรุปแนวทางที่เหมาะสมที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ