นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเบื้องหลังการเตรียมเปิดให้บริการโรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งจะรับผู้ป่วยได้ 1,000 - 5,000 เตียง ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ว่า ปัจจุบันนี้โรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพ และปริมณฑล ต้องรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาการปานกลางถึงรุนแรง ส่งผลให้กระทบกับการรักษาผู้ป่วยโรคอื่น ๆ หากไม่แก้ไขสถานการณ์ จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน
ทางกระทรวงสาธารณสุข คณะแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญ แม้จะไม่ใช่หน่วยงานหลัก ในการแก้ไขปัญหา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ก็พร้อมจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ จึงลงความเห็นว่า ควรจะตั้งโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่เพียบพร้อมทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือ และบุคลากร เพื่อรับผู้ป่วยอาการปานกลางจากโรงพยาบาลต่างๆ มารักษา ภายใต้มาตรฐานที่การรักษาซึ่งมีคุณภาพ ไม่ต่างจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยเคยได้รับการดูแล เป็นการเปิดพื้นที่ในโรงพยาบาลสำหรับรักษาผู้ป่วยอาการรุนแรงกว่า ทั้งที่เป็นผู้ป่วยโควิด 19 และโรคอื่นๆ โดยแพทย์ พยาบาล ที่จะเข้ามาดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบุษราคัมนั้น จะมาจากทั่วประเทศไทย จะไม่มีการคัดหมอ ซึ่งกำลังรักษาผู้ป่วยโควิดรายอื่นๆ อยู่มาไว้ที่นี่ ตรงนี้ ต้องขอบคุณแพทย์ พยาบาล ทั่วประเทศ ที่ทำงานหนัก เพื่อรักษาชีวิตของคนไทย
"ขอย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุข ทำงานสุดความสามารถ ตามอำนาจรับผิดชอบ เพื่อดูแลรักษาชีวิตคนไทยอย่างดีที่สุด เช่นเดียวกับเรื่องวัคซีนโควิด 19 ที่มีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ขอยืนยันว่า การตัดสินใจของกระทรวงฯ เป็นไปอย่างรอบคอบ บนพื้นฐานทางวิชาการ ขอให้ประชาชนมั่นใจ"