บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ระบุว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,575-1,600 จุด จากเชื่อว่าตลาดฯจะให้ความสนใจเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 น้อยลง แต่จะให้น้ำหนักกับปัจจัยบวกในอนาคตมากกว่า สะท้อนจากในสัปดาห์ก่อนตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันอยู่ระดับราว 2,000 ราย +/- แต่จะเห็นว่าตลาดก็ไม่ได้ตอบรับเชิงลบมากนัก
ขณะเดียวกันเมื่อมีรายงานว่าทาง Pfizer เตรียมส่งมอบวัคซีนให้ไทยช่วงไตรมาส 3/64 ทำให้ SET Index ก็ปิดบวกได้ 0.8% พร้อมกับแรงหนุนจากหุ้น Domestic (ค้าปลีก สนามบิน และปิโตรเคมี) แต่อย่างไรก็ หากเกิดกรณีเลวร้าย คือ ตัวผู้ติดเชื้อต่อวันทำระดับ New High ระหว่างสัปดาห์อาจกดดันให้เกิดการปรับฐานได้
สำหรับเรื่องของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน มองว่าไม่มีผลกับการลงทุนมากนัก เนื่องจากกลุ่มที่จะประกาศในสัปดาห์นี้กระจุกตัวอยู่ใน Domestic Play ต่อให้ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ก็ยังเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการจากการระบาดรอบ 3 แต่หากต่ำกว่าคาดก็มองว่าราคาหุ้น Domestic หลายตัวปรับฐานลงมาอยู่โซนล่างแล้ว
ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างเป็นบวกแม้ในวันศุกร์สหรัฐจะรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด แต่ตลาดเลือกให้น้ำหนักว่าจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน หาก Domestic Play อาทิ ท่องเที่ยว (AOT AWC CENTEL MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO ILM TACC) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ศูนย์การค้า (CPN) ปรับฐานลงมาจากผิดหวังผลประกอบการหรือระหว่างสัปดาห์ หรือรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสูง แนะนักลงทุนระยะกลางใช้เป็นโอกาสสะสมเพื่อรอการฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนการลงทุนระยะสั้นยังมอง Global Play ปิโตรเคมี (IVL PTTGC SCC) น้ำมัน (PTTEP) เดินเรือ (PSL TTA)
PTTEP (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 131 บาท) ระยะสั้นได้แรงหนุนจากข่าวท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐถูก Hacker โจมตีหนุนการเกิด Supply Shock ระยะสั้น ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้แกว่งบวก 1% ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/64 คาดจะเห็นการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สนับสนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น จากโครงการใหม่ๆจากมาเลเซียกับอัลจีเรีย ขณะเดียวกันราคาขายก็ปรับตัวขึ้น
ILM (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 18 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 145 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อนหน้า ผลจากคุมค่าใช้จ่ายได้ดี โดย SGA&A / Sale ลดลงมาอยู่ที่ 33% จากไตรมาส 1/63 ที่ 36.5% อย่างไรก็ตามรายได้รวมทรงตัว โดยปรับตัวลง 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามการลดลงของยอดขายต่อสาขา