นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์พลังงานในช่วง 3 เดือนแรกของปี 64 พบว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึงแม้ภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการขับเคลื่อน เช่น โครงการคนละครึ่ง ที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมี.ค.63 โครงการเราชนะ และโครงการเรารักกัน ที่มีการสนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับประชาชนและผู้ประกันตน รวมไปถึงความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนที่เริ่มดำเนินการในช่วงปลายเดือนก.พ.64 ทำให้ภาคประชาชนเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงปรับตัวในระดับต่ำ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรมยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่งผลให้มีการปรับราคาขายปลีกภายในประเทศสูงขึ้น ซึ่งการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 64 สรุปได้ดังนี้
- การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล การใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 67.25 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 24.11 บาทต่อลิตร โดยการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือนมี.ค.64 เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้ในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศที่เริ่มคลี่คลายลง รวมถึงการส่งเสริมมาตรการสนับสนุนกำลังซื้อของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ เป็นต้น ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นความต้องการอุปโภคบริโภคภายในประเทศสอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิตในหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมงในเดือนมี.ค.64 ที่เพิ่มขึ้น 8.1% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
- การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.08 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ยกเว้นแก๊สโซฮอล์95 (E10) มีการใช้ของเดือนมี.ค.64 เพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศที่เริ่มคลี่คลายลง รวมถึงมาตรการสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคจากภาครัฐ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ "เราเที่ยวด้วยกัน" ส่งผลให้ประชาชนเริ่มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นพาหนะเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนทำให้การดำเนินกิจการและกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
- การใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่งทางบก การใช้อยู่ที่ 6,475 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลง 4.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่งทางบกลดลงในทุกกลุ่มเชื้อเพลิง (ไม่รวมไฟฟ้า) ณ สิ้นเดือนมี.ค. มีรถจดทะเบียนสะสมที่อยู่ในระบบทั้งสิ้นประมาณ 41.7 ล้านคัน โดยมีรถจดทะเบียนใหม่สะสมของปี 64 อยู่ที่ประมาณ 7.6 แสนคัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.1% น้ำมันกลุ่มดีเซล มีสัดส่วนการใช้สูงสุดคิดเป็น 61% แต่การใช้ลดลง 1.7% น้ำมันกลุ่มเบนซิน มีสัดส่วนการใช้คิดเป็น 32% แต่การใช้ลดลง 1.3%
ส่วน NGV มีสัดส่วนการใช้คิดเป็น 4% ลดลงถึง 31.7% และ LPG มีสัดส่วนการใช้คิดเป็น 3% ของการใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่งทางบก การใช้ลดลงถึง 22.4% (จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) นอกจากนี้ มีการใช้ไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้าในสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) มียานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสม ณ สิ้นเดือนมี.ค. อยู่ที่ 6,849 คัน โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 64 มียานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 419 คัน ซึ่งมากกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน 46% ส่วนราคาขายปลีกไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.64 บาทต่อหน่วย (สำหรับแรงดันไฟฟ้าน้อยกว่า 22 kV)
- การใช้ไฟฟ้าในระบบ 3 การไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้า อยู่ที่ 44,759 GWh ลดลง 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การใช้ไฟฟ้าลดลงทุกกลุ่มสาขา ยกเว้นเดือนมี.ค.64 เพิ่มขึ้น 21.4% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งการใช้ไฟฟ้าในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นแบบมีนัยสำคัญ สาขาอุตสาหกรรม มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า 47% ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 17.6% จากเดือนก่อนหน้า สาขาธุรกิจ มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า 22% การใช้ลดลง 15.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาขาครัวเรือน มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า 26% การใช้ลดลง 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การใช้ของเดือนมี.ค.64 เพิ่มขึ้น 26.2% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า โดยภาคครัวเรือนส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าและสภาพอากาศที่ร้อน เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายลงจากปัจจัยที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจทั้งของไทยและของโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการกระจายวัคซีนในหลายประเทศ
"อย่างไรก็ตาม สนพ. ยังคงต้องจับตาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเม.ย.64 รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อการใช้พลังงานของประเทศอย่างใกล้ชิด อาทิ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตรการในการป้องกันโควิด-19 และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้พลังงานของประเทศไทยต่อไป" นายวัฒนพงษ์ กล่าว