นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมประชุมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โดยได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และกระทรวงฯ ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงรายงานการเข้ามาของจำนวนวัคซีนแต่ละเดือน โดยประเทศไทยมีวัคซีนหลัก คือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่จะทยอยส่งมาให้กรมควบคุมโรคตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป
โดยแผนการกระจายวัคซีนมี 3 ช่องทาง คือ 1.ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม 2.การนัดของโรงพยาบาล (รพ.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ 3.การฉีดในระดับองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กลุ่มบริษัท กลุ่มธุรกิจ ซึ่งสามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ 1.องค์กรทำเรื่องและส่งรายชื่อมายังกรมควบคุมโรค เพื่อให้มีการจัดลำดับ นัดวัน-เวลา เข้ามารับบริการฉีดในหน่วยบริการของรัฐ และ 2.องค์กร จัดเตรียมสถานที่ และออกค่าใช้จ่ายจ้างบุคลากรจาก รพ.เอกชน มาฉีดให้บุคลากรของตัวเอง ประสานมายังกรมควบคุมโรค เพื่อให้จัดส่งวัคซีนไปให้ นับเป็นการแบ่งเบาภาระงานของ สธ. และเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ขณะนี้มีหลายองค์กรติดต่อเข้ามา เช่น กระทรวงคมนาคม ขอให้ฉีดในบุคลากรระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งทางบก ทางน้ำ หรือทางอาการ โดยเสนอใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นจุดบริการ
นอกจากนี้ ยังได้หารือร่วมกับ รมว.แรงงาน ที่เสนอว่าจะขอนำวัคซีนไปบริการฉีดให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ซึ่งกระทรวงฯ มีความยินดีอย่างยิ่ง ถือเป็นการดีที่หลายหน่วยงานเข้ามาช่วยกันฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด และขณะนี้รัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง