ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไปแล้ว 37,288 ราย มีเรือนจำที่ตรวจครบ 100% เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัด ฉะเชิงเทรา ส่วนเรือนจำอื่นๆ ที่มีการตรวจครบ 100% แล้วจะมีการ SWAB หาเชื้อซ้ำในกลุ่มที่ยังตรวจไม่เชื้อพบทุก 7 วัน รวมถึงการตรวจพาเชื้อ ในเรือนจำอื่นๆ ตลอดจนผู้ตัองขังเข้าใหม่ทุกรายจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ได้เริ่มฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีเป็น แห่งแรก จำนวน 1,500 ราย และตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็มแรกจนครบ 3,831 ราย ภายใน 1 สัปดาห์ โดยการสนับสนุนวัคซีนจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นวัคซีน 2 ชนิด คือ ชิโนแวค เพื่อฉีดแก่ผู้ต้องขังกลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี และcอสตร้าเซนเนก้า เพื่อฉีดให้กับผู้ต้องขังกลุ่มสูง อายุ และกลุ่มป่วย 7 โรคเรื้อรัง ด้วยความร่วมมือในการให้บริการฉีดจากโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ได้มอบหมายให้ศูนย์ CARE ประจำเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งรับผิดชอบในการประสานงานรวบรวมข้อมูลของผู้ ต้องขังที่ติดเชื้อ และแจ้งให้ญาติผู้ต้องขังทราบเป็นการเฉพาะราย พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าการรักษา และอาการป่วยของผู้ต้องขังให้ญาติทราบผ่าน ทางโทรศัพท์ หรือช่องทางการสื่อสารอื่นใดที่ได้แจ้งไว้ เพื่อบรรเทาความห่วงใยของญาติผู้ต้องขัง โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนจะต้องได้รับ ความยินยอมจากผู้ต้องขังก่อนเสมอ
เรือนจำ/ทัณฑสถาน ติดเชื้อรายใหม่ รักษาหาย อยู่ระหว่างรักษา 1.เรือนจำกลางเชียงใหม่ 2 12 3,575 2.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร - 205 2,352 3.ทัณฑสถานหญิงกลาง 29 - 1,422 4.เรือนจำกลางคลองเปรม 158 - 2,283 5.เรือนจำพิเศษธนบุรี - - 2,830 6.เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา - - 91 7.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 26 - 127 8.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 1 - 384 9.เรือนจำกลางบางขวาง 299 - 1,214 10.เรือนจำพิเศษมีนบุรี - 1 1 11.เรือนจำกลางสมุทรปราการ - - 2 12.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี 8 - 67 รวม 523 218 14,348