พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ในวันนี้ (24 พ.ค.) ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งนายกฯ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอน โดยมีการคัดกรอง วัดความดัน สอบถามสุขภาพ และประเมินอาการหลังฉีด รวมถึงได้รับวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่มารับวัคซีนในวันนี้ เนื่องจากมั่นใจในวัคซีนที่นำเข้ามา ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยแล้ว รวมทั้งเป็นวัคซีนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ภายในประเทศ โดยยอมรับว่าอาจมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต จึงขอให้ประชาชนรับฟังคำแนะนำการปฏิบัติตนจากแพทย์ ทั้งก่อนและหลังฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัย
สำหรับแผนการกระจายวัคซีนนั้น จะมีการปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจะกระจายให้ทั่วถึง ซึ่งขณะนี้มีทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับให้บริการฉีดวัคซีนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาปรับแผนการฉีดวัคซีน ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ประกอบด้วย 1.ปริมาณวัคซีนที่จะเข้ามา 2.ขีดความสามารถในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ และ 3.สถานการณ์การแพร่ระบาด โดยจะต้องประเมินพื้นที่สีแดง กลุ่มเสี่ยงต่างๆเช่น แรงงานก่อสร้าง แรงงานอุตสาหกรรม ครู พร้อมย้ำว่าขอให้มั่นใจรัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้ และทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนตามสัดส่วนของจำนวนประชากร โดยเฉพาะผู้ที่เข้าสู่ระบบหมอพร้อมแล้ว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง โควิด-19 สายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาใต้ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มีการติดตามสถานการณ์และบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าวัคซีนที่มีอยู่สามารถดูแลได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละบุคคลด้วย โดยไม่อยากให้ประมาทและไม่อยากให้ตื่นตระหนกจนเกินไป แต่ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่มีการปิดบังข้อมูลอย่างแน่นอน
โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 1 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พร้อมกับรัฐมนตรีบางส่วน