
เบื้องต้น กรมควบคุมโรค ให้หลักการการกระจายวัคซีนในแต่ละพื้นที่และแต่ละจังหวัดไว้ว่า ขึ้นกับจำนวนวัคซีน, จำนวน ประชากร โดยแปรผันตามสถานการณ์การระบาด และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด ซึ่งหากจังหวัดใดมีการระบาดหนัก ก็จะ พิจารณาการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมวงการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตาม หลักการนี้ เป็นหลักการใหญ่ ที่อาจจะไม่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมา ศบค.ได้รับฟังความ คิดเห็นทุกภาคส่วน เพราะแต่ละจังหวัดย่อมรู้จักพื้นที่ของตัวเองดีที่สุด จึงขอให้เสนอแนวทางเข้ามายัง ศบค. เพราะการจัดสรรปริมาณ วัคซีน การกระจายไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างไร เมื่อไรนั้น เชื่อว่าในส่วนของพื้นที่เองจะมีความเข้าใจสูงสุด
"เมื่อวานได้หารือกันแล้ว ผอ.ศบค.ก็เห็นชอบ และวันนี้จะหารือเพิ่มเติม หลักๆ จะรับฟังข้อคิดเห็นของพื้นที่ของแต่ละจังหวัด เป็นหลัก และมอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปหารือกับกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ และปรับการกระจายวัคซีนให้สอดคล้องกับ บริบทของแต่ละจังหวัดให้มากที่สุด ช่วง 1-2 วันนี้จะมีรายงานในรายละเอียด" พญ.อภิสมัยระบุ
ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) รายงานจำนวนวัคซีนที่ฉีดแล้วในประเทศไทย ตั้งแต่ 28 ก. พ.-24 พ.ค. 64 รวม 3,024,313 โดส ซึ่งเป็นวัคซีนที่นำเข้าฉุกเฉิน Sinovac และ Astrazeneca
จำนวนการได้รับวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย แยกตามกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ 24 ก.พ.-24 พ.ค.64 กลุ่มเป้าหมาย เข็มที่ 1(โดส) สัดส่วน กลุ่มเป้าหมาย เข็มที่ 2(โดส) สัดส่วน บุคลากรสาธารณสุข 773,903 37.86% บุคลากรสาธารณสุข 545,346 55.64% เจ้าหน้าที่อื่น 329,688 16.13% เจ้าหน้าที่อื่น 107,397 10.96% อายุ 60 ปี 65,971 3.23% อายุ 60 ปี 2,219 0.23% โรคประจำตัว 132,615 6.49% โรคประจำตัว 50,691 5.17% ประชาชนพื้นที่เสี่ยง 741,946 36.30% ประชาชนพื้นที่เสี่ยง 274,537 28.01%
สำหรับวัคซีน Astrazeneca ที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาการผลิตในประเทศไทยจะส่งมอบและเริ่มฉีดให้กับประชาชน ในเดือน มิถุนายนเป็นต้นไป