นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายนที่พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในโรงงานอุตสาหกรรม และแคมป์คนงานก่อสร้างหลายแห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานกว่า 4 แสนคน เนื่องจากลักษณะงานไม่เป็นที่ต้องการของแรงงานในประเทศ ซึ่งขอเสนอให้รัฐบาลทำ MOU กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำเข้าแรงงานต่างชาติถูกกฎหมาย ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
"หากรัฐบาลสามารถทำ MOU ได้ จะมีภาคเอกชนหลายรายต้องการแรงงาน และสามารถออกค่าใช้จ่ายในเรื่องสถานที่กักตัว และการตรวจเชื้อได้อย่างแน่นอน" นายสุพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ ส.อ.ท.กำลังเร่งรัดให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเร็ว เพราะหากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้จะส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปิดโรงงาน โดยอยู่ระหว่างการจัดหาวัคซีนที่มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมคู่มือในการป้องกันการติดเชื้อ และวิธีทำงานหากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
สำหรับสถานการณ์ของภาคอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกยังมีอัตราการขยายตัวค่อนข้างดี ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศและภาคบริการในประเทศมีการชะลอตัวและลดการจ้างงานลง
ด้าน นายชนะ ภูมี ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ส.อ.ท.และนายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) กล่าวถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ว่า ถึงแม้จะมีการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างหลายแห่ง แต่ผู้ผลิตทุกรายยังคงกำลังการผลิตอย่างเต็มกำลังเพื่อส่งออก และขณะที่ภาครัฐยังเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ปัจจุบันอัตราการเติบโตของการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศไทยอยู่ที่ 1% ซึ่งค่อนข้างต่ำ หรือพอๆ กับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขณะที่การส่งออกปูนซีเมนต์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น การระบาดของโควิด-19 ยังเป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้แทนกำลังแรงงานที่ขาดแคลน เพื่อให้งานเสร็จเร็วมากขึ้นด้วย