นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" ถึงอาการข้างเคียง และอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า ขณะนี้การใช้วัคซีนต้านโรคโควิดในประเทศไทยจะเป็น AstraZeneca เป็นหลักและจะต้องมีการใช้ต่อไปอีกเป็นจำนวนมาก โดยมี Sinovac จะเป็นตัวเสริม
จากการศึกษาของศูนย์ฯ พบว่าการฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดในทุกอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป วัคซีน Sinovac มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า AstraZeneca โดยเฉพาะในเรื่องไข้ ปวดบริเวณที่ฉีด เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดศีรษะ โดยการศึกษาครั้งนี้ผู้ที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ได้รับยาพาราเซตามอลกลับบ้านด้วย
นอกจากนั้น อาการที่เกิดขึ้นจากวัคซีน AstraZeneca จะพบว่าอายุน้อยมากกว่าผู้สูงอายุ และผู้หญิงจะมีอาการมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเมื่อดูอาการข้างเคียงเปรียบเทียบกับวัคซีนที่ฉีดในต่างประเทศ โดยเฉพาะวัคซีนในกลุ่ม mRNA แล้วไม่ต่างกันเลย ส่วนวัคซีน Sinovac อาการข้างเคียงน้อยกว่ามาก
ดังนั้น ผู้ที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ถ้ามีไข้ หรือปวดศีรษะ ท้องเสีย อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายไข้หวัดใหญ่ ถือเป็นอาการที่พบได้หลังการฉีดวัคซีน ดังนั้น หลังฉีดเมื่อกลับไปถึงบ้านถ้ามีอาการดังกล่าวรับประทานยาพาราเซตามอลได้เลย ไม่ต้องรอให้ไข้ขึ้นสูง หรือปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว และสามารถทานซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง อาการดังกล่าวจะอยู่ประมาณ 1-2 วันก็จะหายเป็นปกติ นอกจากว่ามีอาการมาก เช่น ไข้สูงติดต่อกันหลายวัน หรือสูงมาก ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และรับประทานยาแล้วไม่หาย ก็ควรจะปรึกษาแพทย์
"ถ้าทุกคนเข้าใจ จะได้ไม่เกิดวิตกกังวล ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนในกลุ่ม virus Vector หรือ mRNA วัคซีนจะมีอาการข้างเคียงได้มากกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตายตามหลักฐานเชิงประจักษ์" นพ.ยงระบุ