นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรณีมีข้อกังวลเกี่ยวกับการเปิดเทอมในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งบริการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการศึกษา เหมือนก่อนหน้านี้ที่บริการฉีดให้กับบุคลากรด้านคมนาคมขนส่ง ขณะเดียวกันต้องอาศัยร่วมมือจากทุกฝ่าย เช่น การฝึกให้เด็กคุ้นชินกับการใช้หน้ากากป้องกันโรค
"เป็นเรื่องยาก หากจะหวังให้เด็กรู้จักการเว้นระยะห่าง แต่ถ้าเด็กมีหน้ากาก ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก" นายอนุทิน กล่าว
สำหรับการให้บริการวัคซีนแก่เด็ก ขณะนี้อยู่รัหว่างดำเนินการนำเข้าวัคซีนของไฟเซอร์ ซึ่งทางผู้ผลิตยืนยันว่าใช้กับเด็กได้ และไทยมีแผนฉีดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะเดียวกันยังรอพิจารณาผลการทดสอบวัคซีนซิโนแวกกับเด็ก 3 ขวบ หากมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ไทยก็ต้องนำมาพิจารณาปฏิบัติ เพื่อให้บริการนั้นครอบคลุมทุกช่วงอายุมากที่สุด
นายอนุทิน กล่าวว่า การนำเข้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ายังยึดถือตามสัญญา และปัจจุบันยังได้หารือเพื่อทำสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิตรายอื่น เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการบริหารจัดการ และยังมองไปถึงการฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่เคยรับบริการวัคซีนเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งอาจจะได้รับวัคซีนในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากการให้บริการต้องเป็นไปด้วยความต่อเนื่องเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และรักษาระดับภูมิคุ้มกันในประชาชน
"เรื่องวัคซีนต้องวางแผนระยะยาวเช่นนี้ จึงให้ความสำคัญกับการให้ไทยได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนไปจนถึงการมีวัคซีนเป็นของตัวเอง" นายอนุทิน กล่าว
ปัจจุบันวัคซีนที่ผลิตในไทยได้ให้บริการไปแล้วนับล้านโดส ก็ยังไม่มีปัจจัยที่บ่งบอกว่าด้อยคุณภาพ ไม่มีความปลอดภัย ตรงนั้นสะท้อนความสามารถของคนไทย ระบบสาธารณสุขของไทยอยู่ในมาตรฐานที่สูง การรักษายังยึดหลักว่าทุกคนต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ ส่วนเรื่องวัคซีนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไทยเริ่มต้นช้า ทั้งที่ไทยหารือกับผู้ผลิตมาตั้งแต่กลางปี 2563 ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้ผู้ผลิตเลือกไทยเป็นฐาน ในวันนี้ได้มีการจองวัคซีนเป็นจำนวนมาก และได้ทยอยฉีดไปกว่า 5 ล้านโดสแล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นอาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ทุกฝ่ายมองการทำงานเป็นสำคัญ มองประชาชนเป็นสำคัญ ย่อมคุยกันรู้เรื่อง ยิ่งกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอย้ำว่าตนเคารพท่านในฐานะผู้บังคับบัญชา จึงไม่เคยมีเรื่องให้ขุ่นข้องหมองใจกัน ส่วนการอภิปรายที่ผ่านมาสังเกตได้ว่าสมาชิกพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้มุ่งวิจารณ์ท่านนายกฯ หรือรัฐบาล แต่สงสัยในการทำงานของสำนักงบประมาณและสภาพัฒน์ ซึ่งเอางบวัคซีนไปไว้ในงบกลางและงบเงินกู้ แต่ไม่ปรากฏในเอกสารร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งเป็นเอกสารหลัก แต่กลับไม่มีเรื่องของวัคซีนปรากฏอยู่ ย่อมถูกวิจารณ์ได้ง่าย แต่เมื่ออธิบายแล้ว เข้าใจข้อเท็จจริง ก็ทำงานกันต่อ
"ผมไม่เคยกังวลเรื่องยุบสภา เพราะที่ผ่านมา เมื่อตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองจะกลัวการเลือกตั้งไม่ได้ กลับกันต้องพร้อมตลอด ถ้าต้องเลือกก็พร้อมลงสนาม อยู่ในถนนสายการเมืองมาตั้งแต่ปี 2535 เข้าใจธรรมชาติการเมืองดี และที่ผ่านมา ทั้งผม และพรรคก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ หลักการทำงานของเราคือการลงมือทำให้สมกับได้ชื่อว่าเป็นพรรคปฏิบัติการเท่านั้นเอง" นายอนุทิน กล่าว