นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) ยืนยันว่า แผนการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ายังเป็นรายสัปดาห์ โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้บริหารจัดการวัคซีน ทางผู้ผลิตมีสัญญาที่ต้องส่งให้ไทย และมาถึงตอนนี้ก็ยังส่งวัคซีนให้ได้ตามข้อกำหนดทุกอย่าง ส่วนการส่งให้ประเทศอื่นๆ ก็เป็นเรื่องดี เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในไทย ระบุข้างกล่องว่าผลิตใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ประเทศไทย ได้ไปช่วยเหลือต่างประเทศ นับเป็นความภาคภูมิใจ
ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่จะนำเข้ามาเพื่อฉีดให้เด็กอายุ 12-18 ปีที่อยู่ในวัยเรียน ขณะนี้ได้มอบหมายให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค คิดแผนรองรับการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กได้ที่โรงเรียน โดยปรับให้ห้องปฐมพยาบาลเป็นจุดฉีดวัคซีน โดยมีอุปกรณ์ทางการแพทย์รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ขณะที่วัคซีนซิโนแวก ขณะนี้ประเทศจีนอยู่ในการศึกษาเฟส 3 เพื่อฉีดในเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป ซึ่งประเทศไทยเองก็ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
สำหรับแผนให้บริการวัคซีนโควิด 19 รองรับการเปิดภาคเรียนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ จะมีมาตรการกำชับไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆ เป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าส่วนราชการแต่ละหน่วยงานที่ต้องวางแผนเอาไว้ โดย สธ.จะดำเนินการตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ทุกประการ
"หลักการทำงานของ สธ. คือ รู้บทบาทหน้าที่ และปฏิบัติงานตรงนั้นอย่างสุดความสามารถ เช่น ในพื้นที่เมืองหลวง สธ.ให้การสนับสนุนทุกกิจกรรมของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ได้รับการร้องขอมา แต่ สธ.ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้าไปบริหารจัดการ หรือกำหนดนโยบายใดใน กทม.และทุกพื้นที่ ยกเว้น ศบค.จะกำหนดมาว่าจะให้ สธ.ทำอย่างไร ตรงนี้มีความชัดเจนเช่นกัน ในกรณีอำเภอที่ได้รับวัคซีน 1 ขวด 10 คน ต้องถามข้อเท็จจริงกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดว่าทำไมให้ไปเท่านั้น เนื่องจาก สธ.มีหน้าที่ส่งวัคซีนตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจาก ศบค.ซึ่งเท่าที่ทราบข้อเท็จจริงคือ ที่ส่งไป 1 ขวดเพราะจังหวัดจองมาเท่านั้น" นายอนุทิน กล่าว
ส่วนกรณีที่สำนักงานประกันสังคมประกาศปิดฉีดวัคซีนช่วงวันที่ 12-27 มิ.ย.นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้มีสาเหตุจากปริมาณวัคซีนไม่เพียงพอ เพราะ สธ.มีการส่งวัคซีนตามการร้องขอและความเห็นชอบของ ศบค. เมื่อขอมาเท่าไร ทางกระทรวงฯ ก็จัดสรรให้เท่านั้น