สรุปข่าวเด่นวงการ Cryptocurrency ทั่วโลกรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (7-11 มิ.ย.64) เริ่มต้นกับข่าว FBI ทวงคืนบิทคอยน์ให้ Colonial Pipeline ภายหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่บริษัท Colonial Pipeline บริษัทท่อส่งน้ำมันรายใหญ่ ถูก hacker โจมตีด้วย Mulware โดยทาง Hacker ได้เข้าไปเจาะระบบและยึดข้อมูลของบริษัท จากนั้นได้ปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูล ทำให้บริษัท colonial Pipeline ต้องหยุดการส่งน้ำมันทันที
ล่าสุด FBI ได้ทำการกู้เงินคืนจาก Hacker ดังกล่าวจำนวนกว่า 2.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยให้ข้อมูลว่าได้เข้าถึง Private key ของกระเป๋าเงิน Hacker ผ่าน custodian หรือผู้ถือครองสินทรัพย์ ทำให้สามารถดึงเงินค่าไถ่กลับมาได้ และจากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของสินทรัพย์ที่อยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ทำให้ราคาบืทคอยน์ดิ่งลง
"เอลซัลวาดอร์" ประเทศแรกของโลกที่ตรา "บิทคอยน์" ให้ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถใช้ชำระหนี้ได้จริง
สภานิติบัญญัติของประเทศ "เอลซัลวาดอร์" ได้มีการประกาศผ่านร่างกฎหมายที่จะทำให้ "บิทคอยน์" กลายเป็นสกุลเงินที่ถูกต้อง โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกนำเสนอโดย ประธานาธิบดี Nayib Bukele ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน
บทบัญญัติของร่างกฎหมายนี้จะทำให้ประชาชนของประเทศเอลซัลวาดอร์ สามารถชำระภาษีด้วยบิทคอยน์ได้ และสินค้าบางชนิดก็จะมีการติดป้ายราคาในหน่วยสกุลของบิทคอยน์ด้วย โดยทางรัฐบาลจะยังคงใช้ดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลหลักในการอ้างอิงเพื่อเทียบราคาบิทคอยน์
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลของประเทศ "เอลซัลวาดอร์" ยังประกาศอีกว่า "จะส่งเสริมการฝึกอบรม รวมถึงกลไกการใช้งานที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนของเขาเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลให้ได้"
"Defi" หรือ Decentralize Finance คือ ระบบทางการเงินรูปแบบใหม่ โดยมีลักษณะแบบกระจายศูนย์ หรือไร้ตัวกลาง นั่นก็คือเราไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางในการทำธุรกรรมต่าง ๆ อีกต่อไป ธุรกรรมต่าง ๆ จะถูกดำเนินการ (RUN) บนบล็อกเชน ตามคำสั่งของ "Smart Contract" หรือสัญญาอัจฉริยะ
ปัจจุบันโครงการของ "Defi" มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการให้ยืม หรือ การกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล (Lending & Borrowing) หรือแม้แต่ yield Farming รวมไปถึง lotto ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับสลากกินแบ่งในประเทศไทย
และเนื่องจากในโลก "Defi" เป็นแบบกระจายศูนย์ ทำให้ไม่มีตัวกลางในการกำกับดูแลเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะทำธุรกรรมต่าง ๆ บนโลก "Defi" นักลงทุนควรศึกษาโปรเจ็คต์นั้น ๆ ให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นทั้งวิธีการใช้งาน ความปลอดภัยของ smart contract การเก็บรักษาสินทรัพย์ รวมไปถึงความน่าเชื่อถือของโปรเจคต์นั้น ๆ ด้วย
ทั้งนี้ ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการประกาศเกี่ยวกับประเภทของผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเภทต่างๆ โดยนักลงทุนสามารถติดตามรายชื่อผู้ให้บริการได้ที่ https://www.sec.or.th/TH/Pages/Shortcut/DigitalAsset.aspx
https://youtu.be/CBxZNacnMfY