นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์เช้านี้ว่า ในสัปดานี้จะมีวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับมอบจำนวน 2.5 ล้านโดส มาจากซิโนแวก 1 ล้านโดส และ แอสตร้าเซนเนก้าอีก 1.5 ล้านโดสที่จะได้รับในอีก 2 วันจากนี้
สำหรับจำนวนวัคซีนเดือนมิ.ย.ที่มีการจัดสรรให้ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีนจำนวน 2.5 ล้านโดส แบ่งให้ประกันสังคม 1 ล้านโดส และอีก 1 ล้านโดสให้ทางกทม. และทางมหาวิทยาลัย 5 แสนโดส โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ได้มีการส่งวัคซีนจำนวน 5 แสนโดสให้แก่กทม.แล้ว และจะมีการส่งวัคซีนอีก 5 แสนโดสในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งทางแอสตร้าเซนเนก้าได้เลื่อนการจัดส่งวัคซีนช้าไป 2 วัน จากเดิมวันที่ 14 มิ.ย.เป็น 16 มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าวัคซีนยังคงมีเพียงพอ โดยคาดว่าในเดือนมิ.ย.จะมีวัคซีนมากกว่า 6 ล้านโดส
นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันนี้จะหารือกับนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อปรับการส่งมอบวัคซีนมีความต่อเนื่อง และให้หน่วยงานที่รับต่อไปบริหารจัดการให้สอดคล้องกัน หลังจากมีความสับสนในด้านข้อมูลเกิดขึ้น ซึ่งประเด็นวัคซีนที่ไม่เพียงพอกับความต้องการเมื่อประชาชนได้มีการลงทะเบียนรับวัคซีนผ่านแอปพลิเคชั่น "หมอพร้อม" แล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดสรรวัคซีนแก่คนกทม. จำนวน 1 ล้านโดสนั้น เดิมเป็นไปตามแผนที่ว่างไว้ อย่างไรก็ตามภายหลังได้มีแอปพลิเคชั่นเกิดใหม่ขึ้นมา เช่น ไทยร่วมชาติ ไทยสร้างชาติ ซึ่งอาจเป็นการลงทะเบียนที่ซ้ำซ้อนกัน จึงมีการกระจายไปตามที่ต่างๆ
ในส่วนของประชาชนที่ลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่น "หมอพร้อม" แล้วถูกเลื่อนออกไปนั้น จะมีการจัดสรรให้ประชาชนกลุ่มนี้ได้ฉีดวัคซีนเร็วที่สุด โดยอาจมีการโยกย้ายให้ไปรับวัคซีนที่อื่นๆ เช่น สถานีกลางบางซื่อ สถาบันบำราศนราดูร เป็นต้น รวมถึงเมื่อวัคซีนล็อต 2 จำนวน 5 แสนโดสมาถึงจะเร่งจัดสรรวัคซีนให้ผู้ที่ลงทะเบียนหมอพร้อมก่อน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค
นายอนุทิน ย้ำว่า ในกระบวนการจัดสรรวัคซีนกระทรวงสาธารณสุขจะมีการจัดสรรตามความเห็นพ้องร่วมกันระหว่างศบค. หน่วยงานราชการ และการนำเสนอของกรมควบคุมโรค เพื่อให้ทางกระทรวงสาธารณสุขสามารถสรุป และจัดสรรวัคซีนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการวัคซีน เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.), องค์กร หรือสมาคม ทั้งนี้ทาง ศบค. มีหน้าที่จัดสรรวัคซีน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นศบค.ชุดใหญ่ที่คอยอนุมัติ และเห็นชอบหลักการ เพื่อให้ศบค. ชุดบริหารไปปฎิบัติงานต่อ โดยมีเลขาเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้อำนวยการ