สธ.ยกทีมเข้าพบนายกฯ หารือแผนรองรับเปิดประเทศ-แผนจัดซื้อวัคซีน

ข่าวทั่วไป Tuesday June 22, 2021 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานแผนการจัดซื้อวัคซีน การบริการจัดการวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทย รวมถึงแผนข้อเสนอและแผนรองรับของกระทรวงสาธารณสุข สำหรับเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า จะนำข้อเสนอข้อมูลต่างๆของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากหากเดินหน้าตามแผน จะต้องมีแผนรองรับที่ดีปิดท้ายให้กับนโยบายของนายกฯ อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวกับกรณีการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ที่จ.ยะลา

ส่วนข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้ชะลอการเปิดประเทศไปก่อนนั้น นายอนุทิน เห็นว่า ต้องมาหารือกันเพราะผู้ที่เสนอก็จะต้องนำเรื่องผ่านเข้ามาสู่ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องรับฟังเหตุผลทั้งหมด ส่วนตัวมองว่า เมื่อกำหนดเปิดประเทศ ภายใน 120 วันแล้ว ก็ต้องเดินหน้าเปิดให้ได้ เพราะตามหลักแล้วจะต้องมีการประเมินความเสี่ยง ความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทำงานทุกอย่างต้องกำหนดเป็นเป้าหมายไว้

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีจ.สมุทรสาครว่า ทุกอย่างเป็นไปตามสูตรการกระจาย ตามข้อตกลงร่วมกันของ ศบค. หน่วยงานต่างๆ และกรมควบคุมโรค และยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ ขณะที่ไทยมีประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนได้วันละ 3 แสนโดส และย้ำว่ามีการจัดส่งวัคซีนในทุกสัปดาห์ และขณะนี้เมื่อมีสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) เข้ามาระบาด นักวิชาการที่ดูแลนโยบายเกี่ยวกับวัคซีน ก็พยายามศึกษาว่า ต้องมีการบูทเตอร์ฉีดวัคซีนผสมข้ามยี่ห้อหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องมีความพร้อมในการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ และทันเวลาสำหรับประชาชน โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของวิชาการกระทรวงทำหน้าที่สนับสนุน การจะตัดสินใจอย่างไรมีคณะกรรมการทางด้านการแพทย์ทำงานเรื่องนี้อยู่ ซึ่งรัฐมนตรีก็ทำตามคำแนะนำ

นายอนุทิน ชี้แจงกรณีที่มีการวิจารณ์ถึงการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวกแพงว่าแอสตร้าเซนเนก้า ว่า ซิโนแวกสามารถจัดส่งให้ไทยได้ตามที่จัดส่งตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และยังคงส่งให้กับไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไทยถือเป็นลูกค้าชั้นดีของซิโนแวก และยืนยันว่า เป็นการเจรจาจัดซื้อโดยตรงไม่ผ่านบุคคลอื่น ซึ่งเป็นวัคซีนที่สามารถกันไลน์ผลิตไว้ให้กับไทยได้ โดยที่ผ่านมามีการเจรจาต่อรองราคามาโดยตลอด ทำให้ราคาปรับลดลงเหลือ 15 เหรียญต่อโดส ซึ่งเดิมมีราคาแพงกว่า ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ เช่น ไฟเซอร์ ที่ทำสัญญาไว้ ยังมีการเลื่อนส่งตามลำดับ จึงต้องดูสถานการณ์ด้วยว่า ไทยสามารถรอวัคซีนได้หรือไม่

นอกจากนี้สาเหตุสำคัญที่สุดคือ รัฐบาลต้องจัดหาวัคซีนมาให้ประชาชนและมีความจำเป็น ในขณะที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้น ใช้นโยบายการผลิตเชิงช่วยเหลือสังคม ไม่ได้คำนึงถึงขาดทุน กำไร และมีฐานผลิตในประเทศไทย ค่าใช้จ่ายต่างๆจึงถูกลง และยืนยันว่า การจัดซื้อวัคซีนของไทยเป็นการซื้อตามราคาตลาดที่ผู้ผลิตเป็นผู้กำหนด ไม่มีการซื้อแพงกว่าประเทศอื่นๆแน่นอน และระเบียบต่างๆอยู่ภายใต้กฎหมาย รัฐบาล สถานฑูตของไทยและประเทศผู้ผลิตต้องรับรู้ และไม่มีการเอาเปรียบในเชิงพาณิชย์

ด้านนพ.เกียรติภูมิ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่า มีความเป็นไปได้ตามเป้าหมายในการฉีดวัคซีนที่จ.ภูเก็ต 70% เพื่อเตรียมพร้อมเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในส่วนของสาธารณสุขก็จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยมีมาตรการตามยุทธศาสตร์ที่จะเปิดประเทศ ใน 120 วัน โดยกระทรวงฯได้จัดทำมาตรการเพื่อประเมินความพร้อมของแต่ละจังหวัด หากจังหวัดไหนยังไม่พร้อมด้านใด ก็จะต้องยกระดับมาตรการนั้นๆขึ้นมา เช่น เรื่องการควบคุมโรค การรักษา หรือการฉีดวัคซีน ซึ่งแต่ละจังหวัดต้องกำหนดเป้าหมายในการฉีดวัควีนให้ประชาชน

นอกจากนี้การควบคุมและติดตามโรคก็เป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการรักษาผู้ที่ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ต่างๆให้มีประสิทธิภาพ ก็จะนำไปสู่การเปิดประเทศได้ โดยจะมีการระบุเป็นจังหวัด ซึ่งคาดว่า แต่ละจังหวัดจะทำเสร็จไม่พร้อมกัน แต่ในส่วนของจังหวัดที่พร้อม ก็พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ก่อน ตามแนวทาง Seal Route หรือ การรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดเกี่ยวกับการควบคุมโรค โดยที่เล็งๆไว้มีที่ จ.กระบี่ จ.พังงา และ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หรือ จังหวัดอื่นๆที่มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และพื้นที่เศรษฐกิจ ก็จะเร่งรัดให้แต่ละจังหวัดเป้าหมายมีความพร้อมให้เร็วที่สุด ขณะที่คลัสเตอร์ใหญ่ที่ระบาดที่ จ.ยะลา ก็มีการควบคุมติดตาม โดยขณะนี้รู้ตัวบุคคลที่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ แล้ว และได้เข้าสู่กระบวนการกักตัวแล้ว

นพ.เกียรติภูมิ ย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนนโยบายการเปิดประเทศ และทำตามนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกกดดันใดๆ เพราะข้าราชการต้องทำงานตามนโยบาย ส่วนตัวทำได้ทุกอย่าง และพยายามชี้แนวทางปฎิบัติให้ชัดเจน โดยเฉพาะนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วัน ซึ่งมีเวลาให้ทำงานพอสมควร

นอกจกานี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ดูแลเรื่องเตียงรักษาให้เพียงพอ เพราะขณะนี้มีคนไข้รอเตียงในระดับสีแดง และสีเหลืองอยู่มาพอสมควร พร้อมเน้นย้ำให้จัดหาวัคซีนให้เพียงพอ และทันต่อสถานการณ์ และเป็นไปตามเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ