นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวนมากขึ้นจนอาจส่งผลให้เตียงไม่พอนั้น สธ.มีแนวคิดในการเพิ่มศักยภาพ รพ.สนาม ในพื้นที่สี่มุมเมืองให้ใกล้เคียงกับ รพ.บุษราคัม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยที่แสดงอาการในระดับเกณฑ์สีเหลือง ซึ่งจะช่วยลดอัตราการสูญเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดภาระของโรงพยาบาลหลัก อีกทั้งรองรับสถานการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ที่โรงพยาบาลบุษราคัมจะหมดสัญญากับทางอิมแพคด้วย โดยจะยกระดับโรงพยาบาลสนามให้รองรับผู้ติดเชื้อได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาเรื่องศูนย์แรกรับ จากปัจจบันได้จัดตั้งศูนย์แรกรับส่งต่อผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาคารนิมิบุตร ซึ่งที่ผ่านมาปฏิบัติงานได้ผลน่าพอใจ โดยอาจต้องเพิ่มเติมอีกแห่ง เช่น อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเหลืองด้วย สำหรับบุคลากรทางการแพทย์นั้นจะสับเปลี่ยนจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาในพื้นที่
"เรามีประสบการณ์ในการตั้งโรงพยาบาลบุษราคัมได้ใน 7 วัน โดยมีอุปกรณ์ เครื่องช่วยหายใจ และยาพร้อม ยกเว้นเพียงไอซียู และบุคลากรจากโรงพยาบาลต่างๆ สลับหมุนเวียนกันทุก 2 สัปดาห์ เชื่อว่าจะสามารถอัปเกรดโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยสีเหลืองได้มากขึ้น ทั้งหมดอยู่ในแผนอยู่แล้ว เราทำทุกอย่างให้ทันสถานการณ์" นายอนุทิน กล่าว
สำหรับปัญหาการระบาดในโรงงานนั้น นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรการ Bubble and Seal ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ช่วยดูแลอย่าให้มีการเดินทางออกจากพื้นที่ Bubble and Seal โดยทีมควบคุมโรคจะเข้าไปคัดแยกผู้ป่วยตามอาการ เพื่อนำไปรักษาในโรงพยาบาลที่เหมาะสมต่อไป แม้จะเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายก็ดูแลรักษาตามหลักมนุษยธรรมเพื่อป้องกันโรค ส่วนประเด็นการตรวจสอบการลักลอบเข้าประเทศเป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน ฝ่ายความมั่นคง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป