พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มผู้เสียหายที่โดนหลอกขายวัคซีนทางเลือก "ซิโนฟาร์ม" โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งว่าตนเองและเพื่อนรวม 20 คนถูกหลอกขายวัคซีนซิโนฟาร์มในราคาเข็มละ 1,800 บาท โดยอ้างว่าเหลือจากที่ฉีดให้บุคลากรของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เมื่อผู้เสียหายถูกชักชวนจากเพื่อนจึงตกลงซื้อ
จากนั้นผู้ต้องหาได้มีการสร้างความเชื่อถือ โดยการสร้างกลุ่มไลน์ที่มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นแพทย์เป็นผู้ดูแลกลุ่มของผู้เสียหายและคอยให้ข้อมูลอยู่ตลอด ต่อมาเมื่อถึงวันนัดฉีดวัคซีนในวันที่ 28 มิ.ย.64 ปรากฎว่ากลุ่มผู้เสียหายไม่มีรายชื่อ จึงตรวจสอบกับทางโรงพยาบาลจนทราบว่าแพทย์คนที่อยู่ในกลุ่มนั้นไม่ใช่แพทย์ตัวจริง ผู้เสียหายจึงรู้ว่าถูกหลอก จากนั้นจึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ทางพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว และจะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
รองโฆษก ตร.กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่อาชญากรรมทางเทคโนโลยีในรูปแบบของการฉ้อโกงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ก็กำลังแพร่หลายในทุกวันนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 กำลังเป็นที่ต้องการ เหล่ามิจฉาชีพจึงใช้ช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและยังเป็นการซ้ำเติมจิตใจของประชาชนด้วย
การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว หากต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ผู้เสียหายจะต้องมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีนโยบายให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฝ้าระวัง สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรมและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกขายวัคซีนโควิด-19 โดยต้องตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนว่าวัคซีนมีอยู่จริงหรือไม่ โดยตรวจสอบกับหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง อย่าหลงเชื่อแม้ว่าบุคคลที่ชักชวนจะน่าเชื่อถือมากเพียงใดก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ควรลงทะเบียนฉีดวัคซีนกับหน่วยงานของภาครัฐ เนื่องจากมีข้อมูลที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารอยู่เสมอเพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ
หากพบเบาะแสการกระทำความผิดสามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง