นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยอมรับว่า การแพร่ระบาดในปัจจุบันนี้จากความเห็นส่วนตัวถือได้ว่าเป็นการระบาดในระลอกที่ 4 เพราะเป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ทำให้เกิดการแพร่ระบาดในครอบครัวหรือชุมชมที่หาสาเหตุที่มาไม่ได้ ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นมาก
"มีคนถามว่าจะจบเมื่อไร ตอนนี้เรายกระดับมาตรการไปแล้ว ซึ่งต้องทำ แต่ยังไม่ยกระดับมาตรการสูงสุด เราเรียกแค่เซมิล็อกดาวน์ แต่กว่าจะเห็นผลอย่างน้อย 14 วัน เพราะฉะนั้นหลัง 14 วันเราจะประเมินอีกทีว่าเป็นอย่างไร ถ้าหากจะบอกว่าอย่าให้เกินกำลังบุคลากรด้านสาธารณสุข ทั้งเตียง ทั้งยา เราต้องการจะเห็นตัวเลขไม่เกินวันละ 500-1,000 คน อย่างน้อยเราสู้ไหว แต่ตอนนี้บอกตรงๆ สู้ไม่ไหว" นพ.อุดม กล่าว
พร้อมระบุว่า ทุกคนต้องช่วยกัน โดยต้องเน้นทำ 2 อย่างให้เข้มข้นขึ้น คือ ปฏิบัติตามมาตรการทางสังคม และต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ครบ 70% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นหัวใจในการแก้ไขปัญหา
สำหรับมาตรการที่ใช้ขณะนี้เพียงพอหรือไม่นั้น นพ.อุดม เชื่อว่า ตัวเลขการติดเชื้อหลังจากนี้อาจจะลดลงบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับสูง เช่น ถ้าตัวเลขลดลงมาระดับ 3,000-4,000 คน ก็ยังถือว่าสูงเกินกว่าที่ระบบสาธารณสุขจะรองรับได้
"สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเคลื่อนไหวของคน เชื้อโรคไปเองไม่ได้ คนต้องพาไป จึงเป็นเหตุผลที่เราไม่อยากให้เคลื่อนไหว อยากให้อยู่กับบ้าน Work from Home ต้องให้ได้ 75% แต่ที่ดูยังไม่ถึง 50%...ต้องช่วยกัน ถ้าทำไม่ได้ ต้องยกระดับมาตรการจริงๆ ต้องล็อกดาวน์จริงๆ เหมือนเมษายนปี 63 ซึ่งตอนนั้นระบาดแค่ไม่กี่ร้อยคน แล้วเราคุมอยู่ แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าช้าไปหน่อย เราให้เวลา 2-3 เดือนแล้ว มันยังคุมไม่ได้ ขึ้นกับความร่วมมือกับประชาชนทุกคนต้องช่วยกัน ยกระดับมาตรการให้สูงสุด" นพ.อุดม กล่าว