ศ.ดร.ฉัตรเฉลิม อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล คาดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่แท้จริงน่าจะมากกว่าในปัจจุบัน ชี้ต้องเร่งตรวจปูพรมเชิงรุกค้นหาและแยกกักตัวในลักษณะ Home Isolation พร้อมจับมือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ตั้งเป้าระดมตรวจให้ได้วันละ 10,000 รายจนถึงปลายเดือน ก.ค.นี้
ดังนั้น คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงร่วมกับ สปคม. และ สปสช. ทำแคมเปญตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจโควิด-19 แอนติเจน เทสท์ คิท (Antigen Test Kit) เพื่อให้สามารถตรวจคนหมู่มากได้ โดยในส่วนของวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมาเป็นการเริ่มดำเนินการวันแรก ซึ่งที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ มีผู้เข้ารับการตรวจ 709 คน ทั้งจากคนที่ลงทะเบียนเข้ารับการตรวจออนไลน์ และคนที่ walk in เข้ามา พบผลเป็นบวกหรือติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 53 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มไม่มีอาการ โดย สปสช. จะจับคู่กับคลินิกชุมชนอบอุ่นใกล้บ้าน เพื่อดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชนต่อไป
สำหรับในวันนี้ ได้เพิ่มการตรวจเป็นประมาณ 1,500 ราย และทางคณะฯ ก็พยายามจะเพิ่มจำนวนการตรวจให้ได้มากขึ้นอีกในวันต่อๆ ไป เพราะขณะนี้มีประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้ามาแล้วกว่า 10,000 คน โดย สปสช. จะจัดสรรโควต้าในแต่ละวัน แล้วแจ้งผู้ที่เข้ามาตรวจว่าต้องมาวันไหน เวลาไหน
ศ.ดร.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า แคมเปญนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หรือถึงประมาณปลายเดือน ก.ค.นี้ อย่างไรก็ดี ทั้ง สปคม. และ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ร่วมปูพรมตรวจเชิงรุกแก่ประชาชน ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่ตรวจในลักษณะนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าถ้าสามารถตรวจได้เป็นแสนรายต่อวัน ก็น่าจะค้นพบผู้ติดเชื้อและแยกกักตัวในลักษณะ Home Isolation เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล ส่วนผู้ที่อาการปานกลางหรือรุนแรง จะมี 1330 ช่วยจัดหาโรงพยาบาลให้ และน่าจะช่วยให้การระบาดมีแนวโน้มที่ลดลง