สำหรับการตรวจ Antigent Test Kit จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มีการตรวจอย่างถูกต้อง ซึ่งหากพบมีผลเป็นบวก ก็ให้เข้าสู่ระบบการรักษา และตรวจแบบ PT-PCR อีกรอบ ทั้งนี้พบว่า แนวโน้มผู้ป่วยจะอยู่ในระดับสีเหลืองไปสู่สีแดงเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องจัดเตรียมเตรียมวัคซีนและ Antigent Test Kit ให้เพียงพอ ส่วนเรื่องการพิจารณาเพิ่มเตียงสำหรับผู้ป่วยสีแดงให้ทางกระทรวงมหาดไทยและสาธารณสุข ไปดำเนินการรวบรวม และเสนอมาอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความกังวลต่อสถานที่ตรวจที่เป็นของภาคเอกชน เนื่องจากเมื่อประชาชนไปตรวจแล้ว ไม่สามารถนำเข้าสู่ระบบการรักษาต่อได้ จึงฝากให้ไปแก้ไขในเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีเสนอว่า กรณีที่ผู้ป่วยรักษาหายแล้ว ต้องมีการทำข้อมูล ถึงจำนวนเตียงผู้ป่วยที่ว่างลง เพื่อสามารถรับผู้ป่วยเข้ามาเพิ่มได้ และฝากให้ทุกจังหวัด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาซึ่งกันและกัน
ขณะที่การปิดตลาดก็มีความเป็นห่วงว่าหากปิดแล้ว แล้วประชาชนจะได้รับผลกระทบ จึงต้องหามาตรการออกมารองรับ เพื่อให้ประชาชนสามารถทำมาหากินได้ ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ ต้องสามารถให้ขายได้ในทุกจังหวัดและไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดตลาด
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดว่า อาจจะยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน แต่จะพยายามควบคุมสถานการณ์ให้ดีที่สุด ทางนี้จากหลักฐานทางการแพทย์ หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นใน 4-6 สัปดาห์ แต่ต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดจากทั่วโลกด้วย
ขณะที่นายอนุทิน ยืนยันว่า จะมีการจัดหาวัคซีนให้ได้ 10 ล้านโดสต่อเดือนและในเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป จะฉีดวัคซีนเฉลี่ยให้ได้วันละ 1 ล้านโดสต่อเดือน และกระจายไปทุกพื้นที่ตามเป้าหมายของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)