นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ กทม. ยังพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในจำนวนเพิ่มขึ้น กรมควบคุมโรคได้มอบหมายให้สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ดำเนินการร่วมกับ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการตั้งจุดตรวจภาคสนามเพื่อบริการแก่ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสเชื้อโรค 3 แห่ง คือ สนามกีฬาธูปะเตมีย์ สนามราชมังคลากีฬาสถาน และสโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี สามารถตรวจคัดกรองได้ประมาณ 4,000 คนต่อวัน โดยใช้ชุดตรวจ เอทีเค (Antigen Test Kit : ATK) ซึ่งสามารถรู้ผลได้รวดเร็ว รายใดที่ผลเป็นบวก จะตรวจยืนยันผลด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ด้วยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน และรถเอ็กซ์เรย์ปอดเคลื่อนที่ (เฉพาะจุดสโมสรกองทัพบก) แยกผู้ติดเชื้อตามระดับอาการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อนำเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาที่เหมาะสมตามมาตรฐาน ทั้งที่บ้าน ที่ชุมชน หรือที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ โดยต้องขึ้นทะเบียนและแยกรักษาตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หรือจนกว่าอาการจะหาย กรมควบคุมโรคได้จัดหน่วยส่งยาด่วน หรือเรียกว่า "ซุปเปอร์ไรเดอร์" ซึ่งเป็นประชาชนจิตอาสา ขณะนี้มีจำนวน 60 คน เพื่อนำชุดอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูแลรักษาอาการที่บ้าน ประกอบด้วย ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ยาฟ้าทะลายโจร ปรอทวัดไข้ เครื่องตรวจวัดออกซิเจนปลายนิ้ว เจลแอลกอฮอล์ ล้างมือ หน้ากากอนามัย ป้องกันการแพร่เชื้อ ขณะนี้ส่งมอบไปแล้วกว่า 100 ราย
ขณะเดียวกันกรมควบคุมโรคยังได้จัดทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด 19 เชิงรุกหรือที่เรียกว่า ซีซีอาร์ทีม (Comprehensive COVID-19 Response Team : CCR Team) จากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง จำนวน 12?15 ทีม ร่วมกับ กทม. และเครือข่ายอื่นๆ เข้าค้นหาผู้มีความเสี่ยงที่อยู่ในชุมชนทั้ง 6 โซน ใน 50 เขตของกทม.
แต่ละทีมจะทำการควบคุมโรค ตรวจคัดกรองการติดเชื้อด้วยชุดเอทีเค ได้วันละประมาณ 1,000 ราย ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง รวมทั้งประเมินระบบการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ตามพื้นที่เสี่ยงสำคัญ เช่น แคมป์ก่อสร้าง ตลาดสด ชุมชน และให้ความรู้ในการป้องกันโรคโควิด 19 ด้วย ประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย สงสัยอาจติดเชื้อโควิด 19