นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุม กกร.ได้มีการดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายยาฟ้าทะลายโจรผ่านออนไลน์ที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร และดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตัวเอง (ATK) ที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร
โดยกรณีแรก การดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจร ผ่านระบบออนไลน์หรือผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร โดยกรมการค้าภายใน ได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ขายฟ้าทะลายโจรผ่าน 2 แพลตฟอร์ม คือ Lazada และ Shopee จำนวน 10 ราย 3 ยี่ห้อ 1.ยี่ห้ออภัยภูเบศร โดยพฤติการณ์เป็นนำฟ้าทะลายโจรยี่ห้ออภัยภูเบศรไปค้ากำไรเกินควร 8 ราย เป็นฟ้าทะลายโจรขนาดบรรจุ 60 แคปซูล ซึ่งราคาแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งกับกรมการค้าภายในจำหน่ายในราคา 80 บาท มีผู้นำไปขายผ่านแพลตฟอร์มในราคาขวดละ 349-450 บาท แพงกว่าราคาที่แจ้งไว้ถึง 336%-463% 2.ยี่ห้อใบห่อ ขนาดบรรจุ 70 แคปซูล ราคาแนะนำ 25 บาท ขายบนแพลตฟอร์ม Lazada 119 บาท สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ 376% จำนวน 1 ราย 3.ยี่ห้อไฟโตแคร์ ขายบนแพลตฟอร์ม Shopee ขนาดบรรจุ 100 เม็ด ราคาที่กำหนดไว้ 180 บาท ขายผ่าน Shopee 490 บาท สูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 172% รวม 10 ราย
การกระทำดังกล่าว เป็นการเข้าข่ายค้ากำไรเกินควร ผิดมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายใน ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จะร่วมกันดำเนินคดีทั้งการดำเนินคดีกับผู้จำหน่าย และดำเนินคดีกับผู้มีอำนาจตามกฎหมายของแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ด้วย
กรณีที่สอง การดำเนินคดีกรณีนำชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเอง (ATK) ที่กระทรวงสาธารณสุขให้จำหน่ายได้ในร้านขายยาที่มีเภสัชชกรควบคุมนั้น ไปจำหน่ายในร้านขายยาแห่งหนึ่งที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรที่ราคาแนะนำ 350 บาท ที่เป็นราคาที่ผู้นำเข้าแจ้งกับกรมการค้าภายในไว้ โดยนำไปขายในราคา 450 บาท สูงกว่าที่ควรจะเป็น 29% ถือว่าผิดตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพบว่าเป็นร้านขายยาแถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กกร. มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นรองประธาน เลขาธิการสำนักงาสคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ. เป็นกรรมการ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวทาง และมาตรการในการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ที่ใช้กับตนเองหรือแบบ Home use ให้เป็นทำตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการต่อไป
ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ในการจำหน่ายยาฟ้าทะลายโจร และ ATK นี้ ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบราคาราคาแนะนำหรืออ้างอิงการจำหน่ายปลีกแต่ละชนิดได้จากการประกาศที่เว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน www.dit.go.th โดยกองจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า กรมการค้าภายใน ได้ลงประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.64
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายในระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 28 เกี่ยวกับการแสดงหรือปิดป้ายราคาสินค้า และมาตรา 29 เกี่ยวกับการขายเกินราคา ขายเกินราคาที่สมควร และเกิดความปั่นป่วนทางราคา
โดยก่อนหน้านี้ ในการดูแลความเป็นธรรมการจำหน่ายชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อโควิด-19 นั้น กรมการค้าภายใน ได้เคยทำความเข้าใจและขอความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ให้มีการจำหน่ายที่ผิดกฎหมายเ นื่องจากชุดตรวจที่ใช้กับตนเองหรือ Home use นั้นจะต้องได้รับคำปรึกษาจากเภสัชกรเท่านั้น ซึ่งจะมีการจำหน่ายได้ 3 ช่องทาง คือสถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ และร้านขายยาที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำ ดังนั้นการจำหน่ายออนไลน์ถือว่าผิดกฎหมายของ อย. และเป็นชนิดที่แตกต่างจากแบบ Professional use ที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความเห็นว่า ATK เป็นเวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคตามประกาศ กกร.ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 28 มิ.ย.64
ทั้งนี้ สำหรับคุณสมบัติและเทคนิคของ ATK นั้นแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกันทั้งเทคนิค วัสดุ ประสิทธิภาพของน้ำยา รวมถึงระยะเวลาแสดงผลการตรวจ ส่วนการขึ้นทะเบียนชุดตรวจกับนั้น ขึ้นกับอย. กระทรวงสาธารณสุข โดยพิจารณาจากการผ่านมาตรฐานการตรวจสอบความแม่นยำเท่านั้น อย่างไรก็ดี ATK เป็นสินค้าที่ต้องนำเข้าเกือบ 100% สำหรับการคิดต้นทุนและราคาจะพิจารณาจากปริมาณการสั่งซื้อ แหล่งที่มา ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ ค่าบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายในได้ให้ทางผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่งแจ้งรายละเอียดทั้งกำลังการผลิต จำนวน ปริมาณ ราคาต้นทุน รายละเอียดตามกฎหมาย
เมื่อมีประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องเรียนมา ก็จะได้มีการสืบสวนสอบสวนราคา เพื่อปฏิบัติตามกฏหมายมาตรา 28 และ 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต่อไป