
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานยอดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในวันที่ 12 ส.ค.64 เวลา 18.00 น. มีจำนวนผู้ได้รับวัคซีน 219,840 โดส รายละเอียดดังนี้
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เพิ่มขึ้น (โดส) สะสมตั้งแต่ 7 มิ.ย.64 สะสมตั้งแต่ 28 ก.พ.64 12 ส.ค.64 219,840 18,408,138 22,508,659 เข็มที่ 1 171,488 14,469,346 17,239,593 เข็มที่ 2 28,359 3,524,726 4,855,000 เข็มที่ 3 19,993 414,066 414,066 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การ บริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐฯ 1.5 ล้านโดส โดยยืนยันว่า นโยบายในการบริหารวัคซีนไฟเซอร์มีความโปร่งใส ไม่ต้องกังวลว่า วัคซีนจะสูญหายสามารถตรวจสอบได้ และมีการแบ่งกลุ่มที่จะได้รับการฉีดวัคซีนในล็อตนี้อย่างชัดเจน "ขอย้ำว่า ไม่มีการฉีดให้กับวีไอพี หากประชาชนเห็นและมีข้อสงสัยสามารถแจ้งมาได้เพื่อตรวจสอบ ยืนยันเพื่อความสบายใจ ของทุกฝ่าย"นพ.เฉวตสรร กล่าว ทั้งนี้ ในวัคซีน 1.5 ล้านโดส จะแบ่งให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า 7 แสนโดส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ใน 77 จังหวัด โดยมีการจัดส่งเป็น 2 รอบ โดยรอบแรก จำนวน 442,800 โดส จัดส่งแล้วเมื่อวันที่ 4-5 ส.ค.ที่ผ่านมา และรอบที่ 2 จำนวน 257,200 โดส และเริ่มทยอยส่งแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.นี้ และคาดว่า จะถึงทุกพื้นที่ไม่เกินวันที่ 14 ส.ค.นี้ ซึ่งการทยอยส่งจะมีผลดีต่อ การจัดเก็บให้เป็นไปตามอุณหภูมิของวัคซีน นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป มีการจัดส่งไป แล้ว 320,880 โดส ใน 13 จังหวัด ส่วนที่เหลือจะจัดส่งในช่วงปลายเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งการแยกส่งจะเป็นประโยชน์ในการบริหาร จัดการ เพราะวัคซีนที่ส่งไปในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ เมื่อฉีดเข็มที่หนึ่งไปแล้ว อีก 3 สัปดาห์ถัดไปจะต้องนัดฉีดเข็มที่สอง หากส่งไปล็อตเดียว กัน วัคซีนไปจัดเก็บในตู้เย็นปกติจะสามารถเก็บอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน อาจทำให้วัคซีนเสื่อมสภาพได้ ซึ่งการทยอยส่งจะมีผลดีต่อคุณภาพ ของวัคซีนและการบริหารจัดการการฉีดวัคซีน ส่วนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกับคนต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย และรวมกับการฉีดวัคซีนอื่นๆก่อนที่วัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามา นั้น มีชาวต่างชาติที่อยู่ในไทยฉีดวัคซีนไปแล้ว 280,075 ราย หรือคิดเป็น 5.72% ของชาวต่างชาติที่อยู่ในไทย และรับวัคซีนครบ 2 เข็ม จำนวน 74,587 ราย ขณะที่ผู้สูงอายุ จำนวน 20,903 ราย ส่วนคนเมียนมาในไทยได้รับวัคซีนมากสุด 1.4 แสนราย รองลงมาคือ จีน จำนวน 37,000 ราย ซึ่งมีส่วนของวัคซีนที่ทาง การจีนได้บริจาคมาด้วย ถัดมาคือ กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนไทยที่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ขณะนี้ฉีดไปแล้วจำนวน 2,878 ราย ซึ่งมีกรอบ เวลาในการเดินทาง ซึ่งนักเรียนต้องลงทะเบียนเพื่อยื่นความประสงค์ในการรับวัคซีน กรอกข้อมูล และเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบภายใน 3-5 วันและแจ้งผลกลับไป และเข้ารับบริการได้ ทั้งนี้ นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ผลการฉีดวัคซีนสะสมทั้งสิ้น 22,508,659 โดส โดยมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 17,239,539 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 4,855,000 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 414,066 ราย และเมื่อจำแนกตาม ยี่ห้อวัคซีน พบว่า วัคซีนซิโนแวค จำนวน 10,794,083 โดส วัคซีนแอสตร้าเซนเนกา จำนวน 9,685,262 โดส วัคซีนซิโนฟาร์ม 1,742,610 โดส และวัคซีนไฟเซอร์ 286,704 โดส ขณะที่อาการไม่พึงประสงค์ ข้อมูล ณ วันที่ 8 ส.ค.2564 จากยอดฉีดสะสม 20,669,780 โดส ซึ่งในการฉีดวัคซีนซิโนแวค ฉีดไปจำนวน 10 ล้านโดส พบรายงานกรณีร้ายแรง 2,258 เหตุการณ์ คิดเป็น 22 เหตุการณ์ต่อ 100,000 โดส อาการแพ้รุนแรง 22 เหตุการณ์ คิดเป็น 0.2 ต่อ 100,000 โดส ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าฉีดไปจำนวน 9.06 ล้านโดส พบรายงานรุนแรง 2,606 เหตุการณ์ แพ้รุนแรง 2 เหตุการณ์ คิด เป็น 0.02 ต่อ 100,000 โดส ซึ่งมีการกระตุ้นให้เกร็ดเลือดต่ำและเกิดลิ่มเลือด 2 ราย ซึ่งได้รับการดูแลปลอดภัยและหายเป็นปกติ สำหรับวัคซีนซิโนฟาร์ม พบรายงาน กรณีร้ายแรง 90 เหตุการณ์ คิดเป็น 6.10 ต่อ 100,000 โดส ขณะที่วัคซีนไฟเซอร์เพิ่ง เริ่มฉีดยังไม่มีการรายงานเข้ามา ทั้งนี้ การเสียชีวิตภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน มีรายงาน 334 ราย และมีการสรุปการเสียชีวิตไปแล้ว 278 คน ทุกกรณีไม่มี สาเหตุเกี่ยวกับวัคซีนแต่อย่างใด ขณะที่จำนวนที่เหลืออยู่ระหว่างการสืบค้นข้อมูลและพิจารณาผลชันสูตรโดยละเอียดต่อไป ส่วนกรณีที่เป็นข่าวบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลเสริมสุขภาพตำบล บางคล้า จ.พิจิตร เพศชาย อายุ 44 ปีหลังการฉีดเมื่อวันที่ 10 พบว่า เสียชีวิต ในวันที่ 11 ส.ค. นั้นรายละเอียดการชันสูตรจะรวบรวม ข้อมูลเข้าสู่คณะกรรมการคณะผู้เชี่ยวชาญ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 และจะนำมารายงานต่อไป