พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า แนวทางการดูแลการชุมนุมนั้นจะยึดตามกรอบของกฎหมาย เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งการปฏิบัติการที่ผ่านมาทุกครั้งจะมีการประกาศเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมก่อน โดยการปฏิบัติการในขณะนี้เป็นไปตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ใช่ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิกเฉย ไม่บังคับใช้กฎหมาย ก็จะทำให้กฎหมายขาดความน่าเชื่อถือ
"เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติการตามความจำเป็นให้พอเหมาะพอควร ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์หากไปดูการควบคุมผู้ชุมนุมในต่างประเทศจะเห็นว่าเราใช้มาตรการที่น้อยกว่า ไม่เกินกว่าเหตุ และไม่เลือกปฏิบัติ" พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว
ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่ว่าจะใช้ความระมัดระวังเพียงใด เมื่อเกิดเหตุวุ่นวายก็เป็นเรื่องยสกที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ ซึ่งทุกครั้งจะมีทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน ซึ่งตนเองได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ยึดตามกรอบของกฎหมาย และจะไม่มีการตอบโต้หากไม่มีการก่อเหตุรุนแรงหรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามหากเห็นว่ายังมีจุดบกพร่องก็จะมีการทบทวนการปฏิบัติงาน
นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมามีการดำเนิคดีกับผู้ชุมนุมไปแล้วกว่า 130 คดี เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เพิกเฉย ปล่อยให้ผู้ชุมนุมกระทำผิดได้โดยไม่ต้องรับโทษ แต่การดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องหาเกือบทุกคดีได้รับการประกันตัว เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด
"ในแต่ละปีมีการชุมนุมราว 2 พันครั้ง เป็นงานที่สิ้นเปลืองทรัพยากร เพราะต้องใช้กำลังพลจำนวนมาก แต่จะพยายามดูแลความสงบเรียบร้อยให้ได้" พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าว